สหรัฐ 2 มิ.ย.- การประท้วงในสหรัฐเกิดขึ้นติดต่อกันเป็นคืนที่ 7 ไม่สนใจคำขู่ของประธานาธิบดีที่จะส่งทหารเข้าปราบปรามในรัฐที่ควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ขณะที่ตำรวจในหลายเมืองร่วมคุกเข่าเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับผู้ประท้วง
เมื่อวานนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แถลงขู่ว่า จะส่งกำลังทหารและเจ้าหน้าที่ไปยุติการจลาจล การปล้นสะดม และการทำลายทรัพย์สิน ที่มีชนวนเหตุจากการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ พร้อมเรียกร้องให้บรรดาผู้ว่าการรัฐรีบจัดการกับการประท้วงโดยเร็ว หากรัฐใดไม่ยอมดำเนินการ เขาจะส่งทหารเข้าไปแก้ปัญหาให้เอง แต่แม้จะมีคำขู่ออกมา ผู้ประท้วงในหลายเมืองก็ยังออกมาชุมนุมเหมือนทุกวัน
ที่ย่านแมนฮัตตัน ในนครนิวยอร์ก หลังการเดินขบวนประท้วงเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ฟลอยด์จบลง ร้านค้าปลีกหลายร้านตามห้างสรรพสินค้าต้องตกเป็นเหยื่อของผู้ประท้วงที่ฉวยโอกาสบุกเข้าไปขโมยทรัพย์สิน ตำรวจต้องรีบเข้าไประงับเหตุ จนถึงขณะนี้มีผู้ประท้วงในสหรัฐถูกจับกุมแล้วอย่างน้อย 5,600 คน ในข้อหาต่างๆ ทั้งลักทรัพย์ ทำลายทรัพย์สิน และฝ่าฝืนเคอร์ฟิว
แม้จะมีภาพความรุนแรงของการเผชิญหน้ากันระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วงออกมาสู่สายตาชาวโลก แต่ก็มีแง่มุมในทางบวกเช่นกัน ตำรวจในหลายเมือง เช่น ในนครนิวยอร์ก และเมืองพอร์ตแลนด์ รัฐออริกอน ร่วมคุกเข่าเพื่อแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับผู้ประท้วง ซึ่งการคุกเข่าเป็นสัญลักษณ์ของการประท้วงที่มีชื่อว่า “Black Lives Matter” (แบล็ก ไลฟ์ส แมทเทอร์) ที่ทำเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้ฟลอยด์ ส่วนที่เมืองโอคลีย์ รัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้ประท้วงพากันส่งเสียงร้องด้วยความดีใจที่ตำรวจหลายนายมาร่วมนั่งคุกเข่า และยังสวมกอดผู้ประท้วงด้วย
ขณะเดียวกัน มีผลการชันสูตรศพฟลอยด์แบบอิสระโดยแพทย์ 2 คน ซึ่งชี้ว่าสาเหตุการตายมาจากการขาดอากาศหายใจเพราะถูกกดที่คอ ไม่ได้เกิดจากภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ดังนั้น การตายของฟลอยด์ จึงเป็นการฆาตกรรม ผลการชันสูตรดังกล่าวขัดแย้งกับผลการชันสูตรของทางการสหรัฐที่ระบุว่า ฟลอยด์เสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลว และมีการใช้ยาเสพติดร่วมด้วย.-สำนักข่าวไทย