สหรัฐ 1 มิ.ย.- เหตุจลาจลจากชนวนเหตุการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีขณะถูกตำรวจควบคุมตัว ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่องทั่วสหรัฐ ล่าสุดกรุงวอชิงตันดีซีเมืองหลวงต้องประกาศคำสั่งห้ามออกนอกเคหสถานในตอนกลางคืน หรือเคอร์ฟิวแล้ว
นายกเทศมนตรีดิสตริกท์ ออฟ โคลัมเบียได้ออก คำสั่งเคอร์ฟิวตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของคืนวันอาทิตย์ไปจนถึง 06.00 น.ของเช้าวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมได้เรียกกองกำลังพิทักษ์ชาติเข้ามาช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานของตำรวจแล้ว หลังผู้ประท้วงยังคงชุมนุมกันที่ใกล้ทำเนียบขาวและเกิดการกระทบกระทั่งกับตำรวจ มีรายงานจากนิวยอร์ก ไทมส์ว่า เมื่อคืนวันศุกร์ เจ้าหน้าที่ต้องรีบนำตัวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ไปหลบที่บังเกอร์ใต้ดินภายในทำเนียบขาว ส่วนตามเมืองใหญ่เช่น ลอสแอนเจลิส ฮิวสตัน และมินนิแอโพลิส ก็มีการประกาศเคอร์ฟิวเช่นกัน ผู้ประท้วงยังออกมาก่อเหตุจลาจลติดต่อกันทุกคืนในกว่า 30 เมือง บางแห่งรุนแรงถึงขั้นจุดไฟเผารถยนต์และทุบกระจกร้านค้าเข้าไปขโมยสิ่งของ ตำรวจต้องยิงแก๊สน้ำตาและระเบิดเสียงเพื่อสลายผู้ประท้วงที่ฝ่าฝืนเคอร์ฟิวออกมา มีผู้ประท้วงถูกจับไปแล้วอย่างน้อย 4,100 คน
ขณะเดียวกัน ได้เกิดเหตุน่าตกใจในระหว่างการประท้วงในหลายเมือง ที่เมืองมินนิแอโพลิส รถบรรทุกกึ่งพ่วงคันหนึ่งได้พุ่งฝ่าฝูงชนบนสะพานใกล้ย่านใจกลางเมือง แต่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ ส่วนคนขับรถบรรทุกถูกผู้ประท้วงทำร้ายบาดเจ็บและถูกจับกุมไป
ส่วนที่เมืองวิซาเลีย รัฐแคลิฟอร์เนีย รถจี๊ปคันหนึ่งได้ชนผู้หญิงที่ยืนประท้วงอยู่กลางถนนจนล้มลงก่อนที่จะไปชนผู้ประท้วงอีกคน ต่อมาผู้หญิงคนดังกล่าวทวีตข้อความว่าเธอไม่เป็นอะไรและพวกเธอออกมาประท้วงอย่างสงบ
และที่ย่านบรูคลินในนครนิวยอร์กรถยนต์ตำรวจคันหนึ่งได้พุ่งเข้าใส่กลุ่มผู้ประท้วงที่ยืนขวางอยู่บนถนน จนผู้ประท้วงต้องยอมให้รถตำรวจผ่านไปในที่สุด.-สำนักข่าวไทย