วอชิงตัน 30 พ.ค.- อดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐออกแถลงการณ์แสดงความเห็นเรื่องนายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวดำที่เสียชีวิตขณะถูกตำรวจผิวขาวควบคุมตัว และจุดกระแสประท้วงทั่วประเทศอยู่ในขณะนี้ว่า ไม่ควรเป็นความปกติในสหรัฐอเมริกายุคปี 2563
โอบามาวัย 58 ปี ประธานาธิบดีเชื้อสายแอฟริกันคนแรกของประเทศโพสต์แถลงการณ์ในทวิตเตอร์เมื่อวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐว่า อยากแบ่งปันสิ่งที่ได้สนทนากับเพื่อนหลายคนในช่วงหลายวันมานี้เรื่องคลิปบันทึกเหตุการณ์ที่นายจอร์จ ฟลอยด์เสียชีวิตขณะนอนคว่ำหน้าเพราะถูกตำรวจผิวขาวใช้เข่ากดคอบนถนนในรัฐมินนิโซตา นักธุรกิจชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกาวัยกลางคนส่งอีเมลบอกเขาว่า ร้องไห้เมื่อเห็นคลิปดังกล่าวเพราะรู้สึกใจสลาย การใช้เข่ากดคอเป็นภาพสะท้อนของระบบที่กดขี่เพื่อนคนผิวดำอย่างโอหัง โดยไม่แยแสต่อเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เป็นเรื่องน่าเศร้าอย่างแท้จริง
แถลงการณ์ของโอบามาระบุต่อไปว่า ทุกคนหวังจะให้ชีวิตกลับไปเป็นปกติหลังจากวิกฤตโรคระบาดและวิกฤตเศรษฐกิจทำให้ทุกอย่างรอบตัวพังไปหมด แต่ต้องอย่าลืมว่าการที่ชาวอเมริกันหลายล้านคนถูกปฏิบัติอย่างแตกต่างเพราะเรื่องเชื้อชาติเป็นความปกติที่น่าเศร้า น่าเจ็บปวด และบ้าคลั่ง ไม่ว่าจะเป็นการเข้าถึงระบบดูแลสุขภาพ การเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แม้แต่การวิ่งออกกำลังกายบนถนน หรือดูนกในสวนสาธารณะ สิ่งเหล่านี้ไม่ควรเป็นความปกติในสหรัฐปี 2563 และไม่สามารถเป็นความปกติได้ หากทุกคนต้องการให้ลูกหลานเติบโตขึ้นในประเทศที่มีชีวิตอยู่กับอุดมคติอันสูงสุด
โอบามาสรุปในย่อหน้าสุดท้ายว่า ทางการรัฐมินนิโซตามีหน้าที่รับผิดชอบหลักในการสร้างความมั่นใจว่า การเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์จะได้รับการสอบสวนอย่างเต็มที่และจะเกิดความยุติธรรมขึ้นในที่สุด ขณะที่ทุกคนไม่ว่าจะเชื้อชาติใดหรืออยู่ที่ใด รวมทั้งเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายทั้งชายและหญิงที่ภาคภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่อย่างถูกต้อง จะต้องร่วมกันสร้างความปกติใหม่ เพื่อให้สิ่งที่ตกทอดมาจากความดื้อรั้นและการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมไม่สามารถมีผลต่อธรรมเนียมหรือจิตใจของทุกคนได้อีกต่อไป
อดีตผู้นำสหรัฐแถลงเรื่องนี้ขณะที่มีการประท้วงทั่วประเทศ บางแห่งเป็นไปอย่างสงบ บางแห่งเกิดความรุนแรง ส่วนนายดีเรค โชฟวิน ตำรวจผิวขาวที่ใช้เข่ากดคอนายฟลอยด์นานเกือบ 9 นาทีจนเสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐ ถูกตั้งข้อหาทำให้คนตายโดยไม่เจตนา และข้อหาฆ่าคนตายโดยประมาท หลังจากถูกไล่ออกพร้อมกับตำรวจอีกสามนาย.-สำนักข่าวไทย