สหรัฐ 1 พ.ค.- อดีตผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ ระบุยาเรมเดซิเวียร์ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างทดลองและพบว่ารักษาโควิด-19 ได้ผลนั้น นับเป็นข่าวดี แต่เชื่อว่าสิ่งที่จะสยบไวรัสโควิด-19 ได้จริง น่าจะเป็นวัคซีน
ดร.ทอม ไฟร์เดน อดีตผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือ ซีดีซี กล่าวถึงยาเรมเดซิเวียร์ ซึ่งพบว่าช่วยให้ผู้ป่วยโควิด-19 ที่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ลดระยะเวลาฟื้นตัวจากโรคเฉลี่ย 4 วันนั้น อาจส่งผลให้อัตราผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิตเป็นรายวันนั้นลดลงราวร้อยละ 20-30 เท่านั้น อย่างไรก็ตาม เขาเชื่อว่าการเอาชนะไวรัสโควิด-19 ให้ได้อย่างสิ้นเชิงนั้น อยู่ที่การผลิตวัคซีนที่มีประสิทธิภาพป้องกันโรคโควิด-19 ให้ได้เท่านั้น
นายแอนโทนี เฟาซี แห่งสถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐ เปิดเผยว่า ยาเรมเดซิเวียร์ลดระยะเวลาในการรักษาผู้ป่วยจนอาการดีขึ้นได้ราวร้อยละ 31 หรืออาการดีขึ้นใน 11 วัน เมื่อเทียบกับการรักษาตามปกติที่ใช้เวลาราว 15 วัน และว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เมื่อได้รับยาเรมเดซิเวียร์แล้ว มีจำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งในเรื่องนี้จะมีการตีพิมพ์ลงในวารสารการแพทย์เร็วๆ นี้
เฟาซี ย้ำว่า การที่ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นเร็วนั้นเป็นสิ่งพิสูจน์ให้เห็นว่า ยาชนิดนี้สกัดกั้นเชื้อโควิด-19 ไม่ให้แผลงฤทธิ์ แต่ก็ยังไม่ได้ช่วยทำลายเชื้อไวรัสได้อย่างสิ้นเชิง สำนักงานองค์การอาหารและยาของสหรัฐแถลงว่า ขณะนี้องค์การกำลังหารือกับบริษัท กิลเลียด ไซเอนเซส เจ้าของยาตัวนี้เพื่อหาทางให้บริษัทเร่งผลิตยาเรมเดซิเวียร์ออกมาให้มากที่สุด เพื่อให้ผู้ป่วยโควิด-19 สามารถเข้าถึงยาตัวนี้ได้โดยเร็วที่สุด
ขณะเดียวกัน ดร.โธมัส คูเอนี ผู้อำนวยการสมาพันธ์ผู้ผลิตยาระหว่างประเทศ กล่าวว่า ปัจจุบันมีการศึกษาวิธีการบำบัดรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ถึง 130 วิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้ยารักษามาลาเรีย ยาต้านไวรัส การใช้ภูมิคุ้มกัน และการใช้พลาสมาจากผู้ที่หายป่วยโควิด-19 ในจำนวนนี้ 77 วิธี เป็นการทดสอบดูว่ายาที่มีอยู่ในปัจจุบันจะช่วยยับยั้งฤทธิ์ของไวรัสได้หรือไม่ ส่วนอีก 68 วิธี คือการค้นคิดวิธีการใหม่ๆ ซึ่งเกือบทั้งหมดล้วนอยู่ในช่วงเริ่มต้นการทดสอบเท่านั้น โรคโควิด-19 คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 230,000 คนทั่วโลก และติดเชื้อกว่า 3.3 ล้านคนทั่วโลก.-สำนักข่าวไทย