สหรัฐ 25 มี.ค.- แนวโน้มการระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐยังอยู่ในขั้นวิกฤต แต่ผู้นำสหรัฐกลับเรียกร้องให้ยุติการห้ามพบปะใกล้ชิดกัน แถมยังขอความช่วยเหลือจากเกาหลีใต้ ทั้งที่เคยบอกว่าสหรัฐมีศักยภาพเพียงพอที่จะรับมือกับโควิด-19
สหรัฐตอนนี้มียอดผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่แล้วกว่า 50,000 คน เสียชีวิตอีกเกือบ 800 คน โดย 1 ใน 4 ของผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ในรัฐนิวยอร์ก ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก ถึงกับเปรียบเปรยการแพร่ระบาดครั้งนี้ว่ารวดเร็วราวกับรถไฟความเร็วสูง ท่ามกลางวิกฤตที่เกิดขึ้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กลับประกาศเริ่มต้นการสิ้นสุดวิกฤตไวรัสโคโรนาในสหรัฐ พร้อมกับเรียกร้องให้ยุติมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือโซเชียล ดีสแทนซิ่ง โดยเร็วเพราะส่งผลกระทบอย่างมากต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังบอกอีกว่า สหรัฐมีการตรวจทดสอบหาเชื้อไวรัสโคโรโนาสายพันธุ์ใหม่ได้ดีกว่าและทันสมัยกว่าเกาหลีใต้ ดังนั้น ในเวลา 8 วัน สหรัฐจะสามารถตรวจทดสอบหาเชื้อได้มากกว่าเกาหลีใต้ ที่ต้องใช้เวลามากถึง 8 สัปดาห์ กว่าจะตรวจทดสอบเชื้อได้เท่ากับสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กลับร้องขอเป็นการเร่งด่วนให้เกาหลีใต้ส่งอุปกรณ์การแพทย์ให้กับสหรัฐเพื่อรับมือกับการระบาดโดยรับปากว่าจะช่วยเหลือบริษัทเกาหลีใต้ให้ได้รับอนุญาตจากรัฐบาลสหรัฐ ด้านเกาหลีใต้ระบุว่าจะส่งอุปกรณ์การแพทย์ให้สหรัฐได้ต่อเมื่อ เกาหลีใต้มีเพียงพอใช้ภายในประเทศ การร้องขอความช่วยเหลือของทรัมป์ ขัดแย้งกับสิ่งที่เขาเคยพูดว่า สหรัฐมีศักยภาพเพียงพอที่จะรับมือกับการระบาดภายในประเทศ
ที่มหานครนิวยอร์ก กำลังกลายเป็นศูนย์กลางการระบาดในสหรัฐ แม้ทางการจะใช้มาตรการเข้มข้นเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดแล้วก็ตาม แต่จำนวนผู้ติดเชื้อกลับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมียอดผู้ติดเชื้อแล้วราว 15,000 คน เสียชีวิตอีก 157 คน
ด้านเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวและสภานิติบัญญัติสหรัฐ ระบุว่า งบประมาณเกือบ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จะนำไปช่วยเหลือธุรกิจและชาวอเมริกันที่ได้รับความเดือดร้อนจากวิกฤตไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ใกล้จะได้ข้อตกลงในเร็ววันนี้ ซึ่งจะทำให้ชาวอเมริกันได้รับเงินช่วยเหลือ 1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อคน หรือ 3,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อครัวเรือน ที่มีสมาชิกครอบครัว 4 คน.-สำนักข่าวไทย