นิวยอร์ก 27 ก.ย.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐรับปากจะเสนอแผนสันติภาพตะวันออกกลางที่เป็นธรรมภายในสิ้นปีนี้ และสนับสนุนการตั้งรัฐปาเลสไตน์เคียงข้างรัฐอิสราเอล
ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวระหว่างพบกับนายกรัฐมนตรีเบนยามิน เนทันยาฮูของอิสราเอลนอกรอบการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติว่า เป็นความใฝ่ฝันของเขาที่จะหาทางออกสันติยุติความขัดแย้งที่ไม่สามารถบรรลุได้ในรัฐบาลสหรัฐที่ผ่าน ๆ มา และจะเสนอแผนดังกล่าวได้ภายใน 2-4 เดือนนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวชัดเจนเป็นครั้งแรกว่า สนับสนุนการตั้งรัฐปาเลสไตน์เคียงข้างรัฐอิสราเอลเพราะเชื่อว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด เขามั่นใจว่าจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้น และฝันไว้ว่าจะสามารถทำได้ก่อนหมดวาระดำรงตำแหน่งสมัยแรกในเดือนมกราคม 2564 ประธานาธิบดีทรัมป์แถลงข่าวในเวลาต่อมาว่า นายแจเร็ด คุชเนอร์ บุตรเขยของเขาในฐานะที่ปรึกษาอาวุโสในทำเนียบขาวซึ่งรับผิดชอบเรื่องแผนสันติภาพตะวันออกรักอิสราเอล แต่ก็จะให้ความเป็นธรรมกับปาเลสไตน์ เขามั่นใจเต็มเปี่ยมว่า ปาเลสไตน์จะกลับเข้าสู่โต๊ะเจรจาในเร็ว ๆ นี้
ด้านนายริยาด อัล มาลิกี รัฐมนตรีต่างประเทศปาเลสไตน์กล่าวหลังพบกับตัวแทน 40 ประเทศที่นิวยอร์ก แต่ไม่มีตัวแทนจากสหรัฐว่า ประธานาธิบดีทรัมป์เลือกใช้คำเอาใจอิสราเอล ทั้งที่ควรพูดให้ชัดเจนว่าการตั้งรัฐปาเลสไตน์เคียงข้างรัฐอิสราเอลจะต้องเป็นไปตามพรมแดนก่อนสงครามหกวันปี 2510 และเยรูซาเล็มตะวันออกคือดินแดนที่ถูกยึดครอง ไม่ใช่ดินแดนของอิสราเอล คำพูดของผู้นำสหรัฐจะต้องทำให้ทุกคนเชื่อว่าเขาต้องการให้เกิดสันติภาพในตะวันออกกลางอย่างแท้จริง เจ้าหน้าที่ปาเลสไตน์พบกับตัวแทนรัฐบาลทรัมป์มาแล้วไม่ต่ำกว่า 40 ครั้งและรู้ว่าสหรัฐแค่ต้องการเปิดฉากสงครามกับปาเลสไตน์เพื่อให้เกิดความเสียหายมากที่สุดเท่านั้น
กระบวนการสันติภาพตะวันออกกลางชะงักเมื่อปาเลสไตน์ฉีกข้อตกลงกับรัฐบาลสหรัฐเมื่อปีก่อน ประท้วงที่เขาประกาศย้ายสถานทูตสหรัฐในกรุงเทลอาวีฟไปนครเยรูซาเล็ม อันเป็นการรับรองว่านครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงตามที่อิสราเอลกล่าวอ้าง.- สำนักข่าวไทย