อนาคตมาเลเซีย-ผลกระทบ หลัง “มหาเธร์” ชนะเลือกตั้ง

มาเลเซีย 10 พ.ค. – อนาคตของมาเลเซียเพื่อนบ้านของไทย ยังคงตกอยู่ในความไม่แน่นอน หลัง ดร.มหาเธร์ โมฮัมหมัด สร้างประวัติศาสตร์หวนกลับสู่วงการเมืองมาเลเซียได้อีกครั้งในวัย 92 ปี โดยยังมีหลายคำถามที่ยังไม่มีคำตอบชัดเจน เช่น การเปลี่ยนถ่ายอำนาจการปกครองประเทศจะดำเนินไปอย่างราบรื่นหรือไม่ รวมถึงแผนการของมหาเธร์ที่เตรียมขอพระราชทานอภัยโทษให้นายอันวาร์ อิบราฮิม เพื่อปูทางให้เขากลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีภายในเวลา 2 ปี จะมีอุปสรรคใดขัดขวางหรือไม่


ชัยชนะของ ดร.มหาเธร์ ในการเลือกตั้งครั้งนี้ แทบจะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด นักวิเคราะห์เรียกมันว่า เป็นคลื่นสึนามิของชาวมาเลเซีย โดยกลุ่มคนหลากเชื้อชาติในมาเลเซียต่างรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว เพื่อโค่นรัฐบาลนายนาจิบ จากนี้ไปการเมืองมาเลเซียจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเหมือนเกิดแผ่นดินไหว ขณะที่โลกโซเชียลต่างแสดงความเห็นต่าง ๆ นานา บางคนบอกว่าไม่อยากเชื่อว่า มหาเธร์จะโค่นอำนาจนายนาจิบได้สำเร็จ บางคนก็บอกว่าพวกเขาหลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปีติ 

มหาเธร์เคยประกาศก่อนเลือกตั้งว่า หากชนะเลือกตั้ง และจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ เขาจะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนการทุจริตเงินกองทุน 1MDB อย่างจริงจัง โดยกองทุนดังกล่าวนายนาจิบตั้งขึ้นเพื่อนำเงินไปลงทุนในต่างประเทศ เพื่อนำเงินกลับมาพัฒนาเศรษฐกิจมาเลเซีย แต่ไปๆ มาๆ เงินกลับถูกโอนไปเข้ากระเป๋านายนาจิบ ถึง 700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มหาเธร์ยังประกาศ จะยกเลิกการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มที่นายนาจิบประกาศใช้จนทำให้เกิดภาวะข้าวยากหมากแพงในมาเลเซีย ที่สร้างความไม่พอใจให้ชาวมาเลเซียอย่างมาก มหาเธร์ยังมีนโยบายสร้างความเป็นอิสระให้กับสถาบันตุลาการ รัฐสภา สำนักงานอัยการสูงสุด และสถาบันอิสระอื่น ๆ มหาเธร์ยังสร้างความมั่นใจให้กลุ่มชาวมลายูที่นับถือศาสนาอิสลาม หรือกลุ่มภูมิบุตรว่า สิทธิพิเศษที่พวกเขา เคยได้รับจะไม่ถูกลิดรอน เพราะคนกลุ่มนี้คือประชากรส่วนใหญ่ของชาติ คือ คิดเป็น 68.8% ของประชากร ทั้งประเทศ 28,700,000 คน 


อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวว่า ชัยชนะของมหาเธร์อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อเศรษฐกิจมาเลเซีย เพราะมหาเธร์ประกาศจะยกเลิกการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ที่เรียกเก็บจากสินค้าและบริการ ภายใน 100 วัน หลังเข้ารับตำแหน่ง ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นก็หมายความว่า ฐานรายได้ของภาครัฐจะลดลง และทำให้สถานะความน่าเชื่อถือทางการเงินของมาเลเซียติดลบ มหาเธร์เคยได้รับฉายาว่าเป็นสถาปนิกผู้สร้างมาเลเซียยุคใหม่ จากความสำเร็จในการพัฒนาเศรษฐกิจมาเลเซียเข้าสู่ยุคอุตสหกรรม ผ่านนโยบายแปรรูปรัฐวิสาหกิจ

ตลอดช่วงการเป็นนายกรัฐมนตรี ยาวนาน 22 ปี เขาได้ทำให้มาเลซียกลายเป็นประเทศที่มีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจสูง เป็นที่น่าจับตามองของโลก แต่ถึงกระนั้นชาวมาเลย์จำนวนมากก็ยังคงยากจน ส่วนใหญ่ทำงานในด้านเกษตรกรรม แต่มหาเธร์ท้าทายให้ชาวมาเลเซียทำงานหนัก เป้าหมายแรกคือการหยุดพึ่งพาชาติตะวันตก กำหนดนโยบายใหม่ที่เรียกว่า มองตะวันออก โดยยกแม่แบบการพัฒนาของเกาหลีใต้และญี่ปุ่นเป็นหลัก เพื่อมุ่งพัฒนาประเทศให้ทันสมัย แทนที่จะมองอังกฤษ อดีตเจ้าอาณานิคม นอกจากนี้ยังสร้างแบรนด์รถยนต์สัญชาติมาเลเซีย ชื่อ โปรตอน เขาเปลี่ยนมาเลเซียจากเดิมที่ส่งออกแต่ยางพาราเป็นหลัก มาเป็นผู้ส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ มหาเธร์ยังสร้างนครปุตตราจายาสนามบินใหม่ สาธารณูปโภคใหม่ ๆ รวมถึงไอคอนสัญลักษณ์โดดเด่นของมาเลเซีย จวบจนทุกวันนี้ คือ อาคารแฝดปิโตรนาส

วันนี้มหาเธร์กลายเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีอายุมากที่สุดในโลก คือ 92 ปี เขาวางไพ่ใบสุดท้ายโดยระบุว่า จะเป็นนายกไม่เกิน 2 ปี และเตรียมถ่ายโอนอำนาจให้นายอันวาร์ ด้วยการขอพระราชทานอภัยโทษให้นายอันวาร์แล้วส่งไม้ต่อให้เขา แต่ก็ต้องจับตากันต่อไปว่าวัฏจักรการเมืองมาเลเซียจะหลุดพ้นจากผู้เล่นหน้าเดิม ๆ 3 คน คือนาจิบ ราซัค, มหาเธร์ โมฮัมหมัด และอันวาร์ อิบราฮิม ได้หรือไม่ ขณะที่สื่อทั่วโลกระบุว่า ชัยชนะของมหาเธร์ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่น่าทึ่ง Wall Street Journal รายงานว่าเหตุการณ์นี้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อกลไกการเมืองที่ครองอำนาจในมาเลเซียแต่เพียงพรรคเดียวมานานถึง 61 ปี


ขณะที่ไทยเชื่อว่าการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองในมาเลเซียจะไม่กระทบต่อการร่วมมือกันแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ภาคใต้ของไทย เพราะมาเลเซียก็ต้องการให้เกิดสันติสุข ไทยสามารถคุยกันได้กับทุกคน อย่างไรก็ตาม วันนี้ค่าเงินริงกิตของมาเลเซียอ่อนค่ามากที่สุดในรอบ  1 เดือน โดยนักวิเคราะห์มองว่ามาเลเซียไม่เคยเปลี่ยนขั้วอำนาจ ขณะที่รัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามารับตำแหน่ง ก็ยังไม่มีประสบการณ์ การจะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนยังจำเป็นต้องใช้เวลา.- สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ชนกัน 10 คันรวด ทางลอดอุโมงค์แยกดาราสมุทร จ.ภูเก็ต

ภูเก็ต 23 ก.ย.-รถพ่วง 18 ล้อ บรรทุกเสาเข็ม เบรกแตก พุ่งชนระเนระนาดในอุโมงค์ดาราสมุทร จ.ภูเก็ต รถเสียหาย 10 คัน บาดเจ็บ 4 คน เป็นคนไทย 3 คน และชาวมาเลเซีย 1 คน เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 23 กันยายน 2568 ศูนย์วิทยุพิทักษ์วิชิตได้รับแจ้งเหตุรถชนกันหลายคันภายในอุโมงค์ทางลอดแยกดาราสมุทร ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต มีรถได้รับความเสียหายจำนวนมากและมีผู้บาดเจ็บ พ.ต.อ.สมศักดิ์ ทองเกลี้ยง ผกก.สภ.วิชิต พร้อมด้วย พ.ต.ท.วุฒิวัฒน์ เลี้ยงบุญจินดา รอง ผกก.ป. และเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร รีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบการจราจรติดขัดอย่างหนัก รถไม่สามารถผ่านอุโมงค์ได้ทั้ง 2 เลน เบื้องต้นตรวจสอบพบรถชนกันเสียหายรวม 10 คัน มีผู้บาดเจ็บ 4 ราย อาการแน่นหน้าอก […]

ผลตรวจยืนยัน “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าพลัดหลง โครงสร้างผิดปกติตั้งแต่เกิด

สุพรรณบุรี 23 ก.ย. – ทีมสัตวแพทย์สรุปผลตรวจ “น้องข้าวต้ม” ลูกช้างป่าเพศเมียแรกเกิดที่พลัดหลงจากแม่ในพื้นที่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี พบความผิดปกติทางโครงสร้างร่างกายตั้งแต่เกิด เร่งวางแผนการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพ นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากทีมสัตวแพทย์สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) และกลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าซึ่งร่วมกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ตรวจสุขภาพ “น้องข้าวต้ม” อย่างละเอียด โดยผลมีดังนี้ สัตวแพทย์สรุปว่า “น้องข้าวต้ม” มีภาวะโครงสร้างร่างกายผิดปกติตั้งแต่กำเนิดในลูกสัตว์ นอกจากนี้จากภาวะร่างกายที่อ่อนแอ จำเป็นต้องเอาตัวรอด รวมถึงความพยายามช่วยประคับประคองโดยฝูงทำให้เกิดการบาดเจ็บมากขึ้น เบื้องต้นทีมสัตวแพทย์ได้ฉีดยาลดปวดและลดอักเสบให้แล้ว พร้อมวางแผนรักษาตามอาการระยะยาว โดยเน้นการให้อาหารและเสริมโภชนาการควบคู่กับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยให้ลูกช้างป่าสามารถยืนและเคลื่อนไหวได้ในอนาคต หากอาการไม่ฟื้นตัวดีเท่าที่คาด จะตรวจ X-ray และ Ultrasound ซ้ำอีกครั้ง ลำดับเหตุการณ์การช่วยเหลือลูกช้างป่าตัวนี้ • 21 ก.ย. เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า พบลูกช้างเพศเมียนอนอยู่เพียงลำพังในสภาพอ่อนแรงและบาดเจ็บที่ขาหลัง จึงรีบประสานทีมสัตวแพทย์จากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เข้าช่วยเหลือและเคลื่อนย้ายมาดูแลที่ทำการอุทยานฯ โดยเบื้องต้นได้ป้อนน้ำข้าวต้มเพื่อให้พลังงาน […]

ทหารเขมรเข้าใกล้รั้วภูผี ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า

ศรีสะเกษ 23 ก.ย.-แม่ทัพภาค 2 เผยได้รับรายงานเหตุทหารเขมรเข้าใกล้เขตรั้วลวดหนามพื้นที่ภูผีแล้ว ฝ่ายไทยเตือน แต่เขมรยิงปืนขึ้นฟ้า ก่อนถูกตอบโต้จนต้องล่าถอยออกไป ยันติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด จากกรณีมีการเผยแพร่ข่าวเหตุยิงปะทะในพื้นที่ภูผี ตำบลเสาธงชัย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ล่าสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ตนได้รับรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวแล้ว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยได้ตรวจพบทหารกัมพูชามีลักษณะท่าทางจะเข้ามาในอธิปไตยไทยใกล้กับเขตรั้วลวดหนาม เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงได้แจ้งเตือน ทำให้ทหารกัมพูชาใช้อาวุธปืนเล็กประจำกายยิงขึ้นฟ้า เจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทยจึงยิงตอบโต้ไป กระทั่งทหารกัมพูชา ซึ่งคาดว่าน่าจะมาจำนวน 2-3 นาย ได้ล่าถอยกลับไป ขณะนี้ยืนยันว่า เหตุการณ์ปกติ และกองทัพภาคที่ 2 มีการตรวจเฝ้าระวังทหารกัมพูชาที่รุกล้ำและลักลอบเข้ามาวางทุ่นระเบิด ซึ่งเรามีมาตรการในการดูแลตรงนี้อยู่แล้วอย่างใกล้ชิด.-313.-สำนักข่าวไทย

ตร.จราจร นำส่งอวัยวะ ถูกรถพุ่งชน

23 ก.ย. – รถแท็กซี่พุ่งชนตำรวจจราจรขณะขี่จยย.นำส่งอวัยวะ บริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ ตำรวจบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา เปิดเผยว่าช่วงเที่ยงวานนี้เกิดเหตุผู้ขับรถแท็กซี่ ไม่ชะลอความเร็วเพื่อหยุดรถเมื่อสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีแดง ประกอบกับมีขบวนรถของตำรวจจราจรโครงการพระราชดำริที่เปิดไฟสัญญาณฉุกเฉินขณะปฏิบัติภารกิจนำส่ง “ปอด” จากจังหวัดชลบุรี ไปยังโรงพยาบาลศิริราช ทำให้เกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนบริเวณแยกสวนมิสกวัน กรุงเทพฯ เป็นเหตุให้ตำรวจได้รับบาดเจ็บที่ขาขวาและข้อมือ โชคดีรถแท็กซี่ไม่เฉี่ยวชนกับรถพยาบาลที่บรรทุกอวัยวะ จึงสามารถนำส่ง “ปอด” ให้ถึงมือแพทย์ได้ทันเวลา จึงขอเน้นย้ำไปยังผู้ขับขี่ว่า “เมื่อเห็นสัญญาณไฟและเสียงไซเรน โปรดให้ทาง” ไม่ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจร เพื่อรักษากฎหมายและช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์.-สำนักข่าวไทย