17 เม.ย. – วันนี้ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เดินทางไปเยือนกัมพูชาเป็นประเทศสุดท้ายของการเยือน 3 ประเทศอาเซียน กำหนดการนี้มีนัยสำคัญอย่างไรบ้างในเวลาที่จีนกำลังทำสงครามการค้ากับสหรัฐ
กัมพูชาต้อนรับการมาเยือนของผู้นำมหาอำนาจที่มีบทบาทใกล้ชิดที่สุด พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี ทรงให้การต้อนรับนายสี จิ้นผิง ที่เดินทางเยือนครั้งแรกในรอบเกือบ 10 ปี เป็นช่วงเวลาที่เหมาะเจาะที่จะกระชับความแนบแน่น เมื่อสงครามการค้ากำลังระอุ
กัมพูชา เป็นเป้าหมายมาตรการภาษีของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ในอัตราสูงลิ่วถึง 49% แม้ว่าขณะนี้กำลังชะลอการจัดเก็บไป แต่เป็นหัวข้อสำคัญของการเยือน
วันนี้ 17 เมษายน เมื่อปี 2518 เป็นวันที่เขมรแดงได้ยึดครองกัมพูชา โดยใช้อุดมการณ์ลัทธิเหมาในการปกครอง โดยมีจีนเป็นผู้ให้การสนับสนุน ผ่านมา 50 ปี เรื่องนี้ไม่ได้ถูกเอ่ยถึงแล้ว แต่สายใยผูกพันและบทบาทจีนยังสูงลิ่ว เป็นหัวใจหลักการพัฒนากัมพูชาในช่วงหลายสิบปีมานี้
ทุกวันนี้มองไปทางไหนก็เห็นร่องรอยหลักฐานการลงทุนจากจีนที่เป็นหมายเลขหนึ่งในกัมพูชา ไม่ว่าจะเป็นสนามบิน ระบบทางหลวง ไปจนถึงฐานทัพเรือเรียม ที่เพิ่งปรับโฉมเพิ่มศักยภาพด้วยเงินทุนจีน
เช่นเดียวกับการเยือนเวียดนาม และมาเลเซีย ในสัปดาห์นี้ นายสี ได้เน้นย้ำการผนึกกำลังกัน เพื่อรับมือกับความตึงเครียดทางการค้ากับสหรัฐ ผู้นำจีน ชาติเดียวในเวลานี้ที่กำลังเผชิญมาตรการภาษีสหรัฐ ในอัตรา 145% เข้าหาเพื่อนจีนในเอเชีย เพื่อต่อต้านการกีดกันการค้า แล้วส่งเสริมระบบการค้าหลายฝ่าย
จีนได้เตรียมการมานานแล้วสำหรับการเดินทางเยือน 3 ประเทศ เป็นภารกิจในต่างประเทศ ของนายสี จิ้นผิง ครั้งแรกในปีนี้ แต่ประจวบเหมาะกับการประกาศสงครามการค้ารอบใหม่ของนายทรัมป์
ที่เวียดนาม ที่พึ่งพาการส่งออกไปสหรัฐ ถูกนายทรัมป์กำหนดอัตราภาษี 46% ในระหว่างการเยือน นายสี จึงตอกย้ำความมั่นใจในฐานผู้ลงทุนต่างชาติรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ที่มุ่งมั่นเพิ่มการลงทุนและการค้า
สำหรับมาเลเซีย ที่เผชิญภาษีสหรัฐ 24% ก็เป็นการเยือนครั้งที่ 2 ในฐานะผู้นำจีน เขามุ่งเสริมสร้างมิตรภาพดั้งเดิมให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพิ่มความไว้วางใจทางการเมืองซึ่งกันและกัน เขาส่งสารชัดเจนให้ยึดมั่นในระบบการค้าพหุภาคี รักษาเสถียรภาพของห่วงโซ่อุปทานและอุตสาหกรรมระดับโลก และรักษาสภาพแวดล้อมระหว่างประเทศที่เปิดกว้างและร่วมมือกัน
ในภาวะสงครามการค้า นายสี จิ้นผิง ในฐานะผู้บัญชาการรบ จึงใช้โอกาสเป็นประโยชน์ ด้วยการใช้หลักกา ร “เพื่อนบ้านที่ดี มิตรที่ดี และพันธมิตรที่มีชะตากรรมร่วมกัน” .-สำนักข่าวไทย