ประท้วงใหญ่หลังอดีตตำรวจเซนต์หลุยส์พ้นผิดคดียิงชายผิวดำปี 2554

เซนต์หลุยส์ 16 ก.ย.- ผู้ชุมนุมเกือบพันคนเคลื่อนขบวนไปตามท้องถนนเมืองเซนต์หลุยส์ของสหรัฐ และเกิดการตะลุมบอนในบางจุด เพื่อแสดงความไม่พอใจที่ผู้พิพากษารัฐมิสซูรีตัดสินให้อดีตตำรวจผิวขาวเมืองเซนต์หลุยส์พ้นผิดในคดียิงชายผิวดำเสียชีวิตเมื่อปี 2554  


ตำรวจเผยว่า ผู้ประท้วงบางส่วนขว้างก้อนหินและขวดน้ำ ขณะที่ผู้เห็นเหตุการณ์เผยว่า เจ้าหน้าที่ใช้สเปรย์พริกไทยกับผู้ประท้วงอย่างน้อย 5 คน ตำรวจปราบจลาจล 50 นายประจำการสกัดไม่ให้ผู้ประท้วงเคลื่อนขบวนไปยังทางหลวง ผู้ชุมนุมประมาณ 600 คนพากันเดินขบวนไปตามท้องถนนในเมืองเซนต์หลุยส์เมื่อวานนี้ตามเวลาท้องถิ่นพร้อมกับตะโกนว่าไม่มีความยุติธรรม ไม่มีสันติภาพ หลังจากนั้นในช่วงเย็นมีผู้ออกมาชุมนุมอีกราว 300 คน 

ชาวเมืองเซนต์หลุยส์ออกมาแสดงความไม่พอใจหลังจากศาลตัดสินให้นายเจสัน สตอกลีย์ อดีตตำรวจผิวขาววัย 36 ปีพ้นผิดในข้อหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนกรณีที่ทำให้นายแอนโธนี ลามาร์ สมิธ ชายผิวดำวัย 24 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2554 นายสตอกลีย์อ้างว่านายสมิธขับรถหลบหนีขณะเขาจะเข้าไปจับกุมในคดียาเสพติด เขาและคู่หูจึงได้ยิงเพราะคิดว่านายสมิธมีปืน นายสมิธถูกยิง 5 นัดเสียชีวิตคารถ และพบปืนในรถ อัยการแย้งว่า ตำรวจจัดฉากเพราะพบแต่ดีเอ็นเอของนายสตอกลีย์บนปืน ผู้พิพากษาชี้ว่า อัยการไม่สามารถพิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยอันมีเหตุผลว่าเป็นการฆาตกรรมหรือแม้แต่การฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา และศาลไม่เชื่อคำแย้งของอัยการที่ว่าตำรวจจัดฉากวางปืนไว้ในรถนายสมิธ เพราะจากประสบการณ์การนั่งบัลลังก์มาร่วม 30 ปีพบว่าเป็นเรื่องผิดปกติมากหากนักค้าเฮโรอีนในเขตเมืองจะไม่พกอาวุธ 


ก่อนหน้านี้มีตำรวจสหรัฐพ้นผิดมาแล้วหลายคนในคดีทำให้ประชาชนเสียชีวิต เช่น คดีตำรวจยิงนายไมเคิล บราวน์ วัยรุ่นผิวดำวัย 18 ปี เมื่อปี 2557 ที่เป็นชนวนเหตุประท้วงรุนแรงหลายวันในเมืองเฟอร์กูสัน คดีตำรวจรัดคอนายเอริก การ์เนอร์ วัย 43 ปี จนขาดอากาศหายใจที่นครนิวยอร์กในปีเดียวกัน คดีนายเฟรดดี เกรย์ วัย 25 ปี คอหักในรถตำรวจในปีถัดมา.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย