ดูไบ 18 ต.ค.- ประเทศอาหรับที่มีความสัมพันธ์ทางการทูตกับอิสราเอลกล่าวโทษอิสราเอลว่า สังหารคนที่โรงพยาบาลในกาซาไม่ต่ำกว่า 200 คน แม้ว่ากองทัพอิสราเอลยืนยันปฏิเสธ
สำนักข่าวดับเบิลยูเอเอ็ม (WAM) ของทางการสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออี (UAE) รายงานในเช้าวันนี้ว่า ยูเออีขอประณามอย่างรุนแรงต่อการโจมตีของอิสราเอลที่ทำให้มีคนล้มตายและบาดเจ็บหลายร้อยคน ขณะที่สำนักข่าวบาห์เรนรายงานว่า กระทรวงต่างประเทศบาห์เรนได้แสดงการประณามและการกล่าวโทษอย่างจริงจังของราชอาณาจักรบาห์เรนต่อการทิ้งระเบิดของอิสราเอล ยูเออีและบาห์เรนได้ลงนามข้อตกลงอับราฮัมเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2563 สถาปนาความสัมพันธ์ในระดับปกติกับอิสราเอล โดยมีสหรัฐเป็นคนกลางเจรจา
ด้านโมร็อกโกที่ลงนามข้อตกลงสถาปนาความสัมพันธ์ระดับปกติกับอิสราเอลในเดือนธันวาคม 2563 ประณามอิสราเอลว่าโจมตีโรงพยาบาล เช่นเดียวกับอียิปต์ซึ่งเป็นอาหรับประเทศแรกที่สถาปนาความสัมพันธ์ระดับปกติกับอิสราเอลในปี 2522 ประธานาธิบดีอับเดล ฟัตตาห์ อัล-ซีซี ของอียิปต์ประณามว่า อิสราเอลทิ้งระเบิดโรงพยาบาลอัล-อาห์ลี อาหรับที่ทำให้มีผู้บริสุทธิ์ล้มตายจำนวนมาก ท่ามกลางพลเรือนปาเลสไตน์ในกาซา การเจตนาทิ้งระเบิดนี้เป็นการละเมิดกฎหมายสากลอย่างชัดเจน
ซาอุดีอาระเบียที่ระงับการเจรจาสถาปนาความสัมพันธ์กับอิสราเอลตั้งแต่เกิดความขัดแย้งล่าสุดระบุว่า เป็นการก่ออาชญากรรมชั่วร้ายของกองกำลังยึดครองฝ่ายอิสราเอล ขณะที่จอร์แดนระบุว่า อิสราเอลต้องรับผิดชอบเหตุร้ายแรงนี้ ด้านองค์การความร่วมมืออิสลามหรือโอไอซี (OIC) กล่าวโทษอิสราเอลว่า ก่ออาชญากรรมสงคราม ก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ และก่อการร้ายที่ดำเนินการโดยรัฐ ส่วนเลขาธิการคณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับหรือจีซีซี (GCC) กล่าวว่า เป็นหลักฐานโจ่งแจ้งชัดเจนว่ากองกำลังยึดครองฝ่ายอิสราเอลก่อเหตุละเมิดอย่างร้ายแรง.-สำนักข่าวไทย