โตเกียว 19 ส.ค. – บริษัทต่างๆ ในญี่ปุ่น ยังคงเดินหน้าลดการใช้วิธีการทำงานทางไกล หลังจากรัฐบาลปรับลดระดับโรคโควิด-19 เป็นโรคที่มีความเสี่ยงต่ำในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แม้ผลการสำรวจล่าสุดจะชี้ว่าบรรดาพนักงานยังเรียกร้องให้บริษัทยอมให้ทำงานจากที่บ้านเหมือนเดิม
สำนักข่าวเกียวโด รายงานว่า ผลการสำรวจที่เผยแพร่ในสัปดาห์นี้ที่จัดทำโดยบริษัทเพอร์ซอล รีเสิร์ช แอนด์ คอนซัลติ้ง ระบุว่า อัตราส่วนของพนักงานที่ใช้ระบบการทำงานทางไกลลดลงเหลือร้อยละ 22 ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19 ในญี่ปุ่น บริษัทวิจัยเอกชนแห่งนี้รวบรวมคำตอบจากคนงานจำนวน 24,644 คน ตามบริษัทต่างๆ ที่มีพนักงานตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ในช่วงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ในการสำรวจครั้งแรกที่จัดทำเมื่อเดือนเมษายน 2020 เมื่อมีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินจากโควิดครั้งแรก อัตราส่วนพนักงานที่ทำงานที่บ้านอยู่ที่ร้อยละ 27.9 และเพิ่มเป็นอัตราสูงสุดที่ร้อยละ 28.5 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 แม้แนวโน้มจะมีการทำงานทางไกลลดลงเรื่อยๆ แต่ร้อยละ 81.9 ของผู้ที่ทำงานทางไกลกล่าวว่าพวกเขายังอยากทำงานทางไกลแบบนี้ต่อไป อย่างไรก็ตาม ผลการสำรวจไม่ได้กล่าวถึงเหตุผลที่ทำให้พนักงานเหล่านี้ยังอยากทำงานจากที่บ้านเหมือนเดิม
แม้ว่ารัฐบาลจะลดระดับสถานะของโควิด-19 เหลือเท่ากับโรคไข้หวัดตามฤดูกาล ซึ่งเป็นการเร่งแนวทางให้ลูกจ้างกลับไปทำงานในสถานที่ทำงาน บริษัทต่างๆ ในญี่ปุ่นยังลังเลที่จะส่งเสริมการทำงานทางไกลเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่อื่นๆ
ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานชี้ให้เห็นถึงสาเหตุหลากหลายที่ทำให้การทำงานทางไกลในญี่ปุ่นไม่แพร่หลาย ซึ่งรวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการสื่อสารแบบต่อหน้ากัน วัฒนธรรมการทำงานที่เข้มงวดและมีระบบอาวุโส และสังคมที่เปลี่ยนผ่านไปยังยุคดิจิทัลที่ค่อนข้างช้า บริษัทที่ยอมให้พนักงานทำงานที่บ้านมองว่าเป็นมาตรกรชั่วคราว เพื่อป้องกันโรคระบาดในสถานที่ทำงานมากกว่าจะเป็นการปฏิรูปๆ แบบการทำงาน ในขณะที่พนักงานต้องการรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่นมากกว่า
ญี่ปุ่นเร่งการทำงานจากที่บ้านในช่วงระหว่างการระบาดของโควิด-19 เป็นเพราะรัฐบาลผลักดันให้ลดการเคลื่อนที่ของประชาชน และเพื่อลดการระบาดของโควิด-19 .-สำนักข่าวไทย