สื่อต่างชาติลงข่าว “แอม” ในคดีฆาตกรรมเกี่ยวกับไซยาไนด์

ลอนดอน 28 เม.ย.- สื่อต่างชาติรายใหญ่หลายแห่งรายงานข่าวคดีอาชญากรรมที่กำลังเป็นข่าวใหญ่ในไทยเรื่อง “แอม” ที่ต้องหาว่าฆาตกรรมคนรู้จักสิบกว่าคนด้วยการใช้สารไซยาไนด์ที่เป็นพิษ


เว็บไซต์บรรษัทแพร่ภาพกระจายเสียงอังกฤษหรือบีบีซี (BBC) รายงานเมื่อวันพฤหัสดีตามเวลาท้องถิ่น ลงชื่อและนามสกุลจริงของแอมที่ถูกจับกุมเมื่อวันอังคารตามเวลาในไทย หลังจากครอบครัวของสตรีรายหนึ่งในจังหวัดราชบุรีตั้งข้อสงสัยเรื่องเธอเสียชีวิตที่ริมแม่น้ำเมื่อต้นเดือนขณะไปปล่อยปลากับผู้ต้องหา ตำรวจพบร่องรอยของไซยาไนด์ที่ศพ ส่วนโทรศัพท์มือถือ เงินสดและกระเป๋าของผู้เสียชีวิตหายไป ผลการสืบสวนของตำรวจเชื่อว่า ผู้ต้องหาได้ฆาตกรรมคนอีก 11 คน หนึ่งในนั้นเป็นอดีตสามี ตำรวจตั้งข้อกล่าวหาว่าเธอก่อเหตุด้วยเหตุผลเรื่องเงิน แต่เธอให้การปฏิเสธทุกข้อหา และไม่ได้รับการประกันตัว ตำรวจเผยว่า เหยื่อรายอื่นๆ เสียชีวิตในลักษณะเดียวกัน เริ่มจากเหยื่อรายแรกในปี 2563 แต่ครอบครัวไม่ได้ติดใจสงสัยและทำพิธีศพไปแล้ว ทำให้มีปัญหาในการตามเก็บหลักฐาน บีบีซีระบุว่า ไซยาไนด์จะยังคงตกค้างในศพอยู่นานหลายเดือนหากถูกใช้ปริมาณมาก สารนี้ออกฤทธิ์ด้วยการทำให้เซลล์ในร่างกายขาดออกซิเจน ทำให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย ทางการไทยมีระเบียบกำหนดการใช้อย่างเคร่งครัด ผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกสูงสุด 2 ปี

ด้านเว็บไซต์บรรษัทแพร่ภาพกระจายออสเตรเลีย หรือเอบีซี ของออสเตรเลีย สำนักข่าวเอเอฟพีของฝรั่งเศส และเว็บไซต์ซีบีเอสนิวส์ของสหรัฐรายงานว่า ตำรวจไทยได้ขยายผลการสอบสวนคดีสตรีที่ถูกกล่าวหาว่าใช้ไซยาไนด์ก่อเหตุฆาตกรรม และได้เพิ่มจำนวนเหยื่อเป็น 13 คน โดยตั้งข้อหาฆาตกรรมโดยไตร่ตรองไว้ก่อนกับผู้ต้องหา รายงานข่าวซึ่งลงชื่อและนามสกุลจริงของผู้ต้องหาระบุว่า เธอถูกจับกุมเมื่อวันอังคารเนื่องจากต้องหาก่อคดีฆาตกรรม 9 คดีในช่วงหลายปีย้อนไปตั้งแต่ปี 2563 ตำรวจเชื่อว่า ผู้ต้องหาซึ่งแต่งงานกับตำรวจและกำลังตั้งครรภ์ 4 เดือนมีเรื่องเงินเป็นแรงจูงใจในการก่อเหตุ และเคยได้รับการวินิจฉัยว่ามีปัญหาทางจิตเวช ตำรวจขอให้ประชาชนที่มีเบาะแสเกี่ยวกับคดีอื่นที่อาจเกี่ยวข้องเข้าให้ปากคำที่จะเป็นประโยชน์ต่อการสอบสวน และได้ขยายพื้นที่สอบสวนครอบคลุม 5 จังหวัด ส่วนใหญ่อยู่ทางตะวันตกของกรุงเทพฯ


ในขณะที่คดีนี้กำลังเป็นข่าวครึกโครมย้อนกลับไปในอดีต ที่อินเดียก็มีคดีลักษณะคล้ายๆ กันนี้เช่นกัน

เครดิตภาพ : Youtube

เค.ดี.เคมปามมะ ถูกขนานนามว่าเป็นเป็นฆาตกรต่อเนื่องคนแรกของอินเดียที่ได้รับฉายาจากสื่อว่า “ไซยาไนด์ มัลลิกา”

เธอเกิดในอินเดียในครอบครัวชนชั้นกลางในช่วงทศวรรษหลังปี 2513 เธอแต่งงานกับช่างตัดเสื้อและมีลูกด้วยกัน 3 คน เธอถูกสามีไล่ออกจากบ้านในปี 2541 หลังจากพบว่าเธอก่อตั้งกองทุนรวบรวมเงินบริจาคแต่นำเงินทั้งหมดมาใช้ส่วนตัว


ในช่วงปี 2542-2550 เคมปามมะ วางยาพิษสังหารผู้หญิง 6 คน ซึ่ง 5 คนหลังเกิดเหตุในเวลาเพียง 3 เดือน เธอจะใช้วิธีการคอยสังเกตผู้หญิงที่เดินทางมาวัด สวดภาวนาให้พ้นทุกข์ในเรื่องต่างๆ เธอจะเข้าไปตีสนิท โกหกว่าจะทำให้พวกเขาพ้นทุกข์ ด้วยพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเสร็จสิ้นพิธีแล้ว เธอจะให้เหยื่อดื่มน้ำที่ผสมไซยาไนด์จนพวกเธอเสียชีวิต แล้วจึงค่อยชิงทรัพย์ไป เธอได้ไซยาไนต์มาจากร้านเครื่องประดับที่ใช้ไซยาไนด์ในการทำความสะอาดเครื่องเพชร

ผู้เสียชีวิตรายแรกเกิดขึ้นในปี 2542 จากนั้น เคมปามมะ ทิ้งช่วงไปนานหลายปี แล้วจึงก่อเหตุซ้ำอีกครั้งในปี 2550 ซึ่งครั้งนั้น เธอใช้เวลาเพียงแค่ 3 เดือนสังหารผู้หญิงไป 5 คน เคมปามมะถูกจับกุมในปีถัดมา ถูกตัดสินประหารชีวิตในปี 2555 แต่ได้รับการลดโทษเป็นจำคุกตลอดชีวิต

เครดิตภาพ : IMDb

ในปี 2564 วงการภาพยนตร์อินเดียได้นำเรื่องราวของเธอมาสร้างเป็นภาพยนตร์ Cyanide Malika สำหรับ ฉายา “มัลลิกา” นั้น สื่อบางแห่งระบุว่ามาจากชื่อผู้เสียชีวิตคนสุดท้ายแต่บางสื่อกล่าวว่า เป็นชื้อที่เธอใช้แนะนำตัวเองกับเหยื่อรายสุดท้ายก่อนที่จะถูกจับกุม

ส่วนที่ญี่ปุ่นก็มีคดีลักษณะคล้าย ๆ กัน “จิซาโกะ คาเคฮิ” หญิงญี่ปุ่นวัย 76 ปี ให้การรับสารภาพต่อศาล ถึงเหตุฆาตกรรมอดีตสามี 3 คน ที่ทำให้เธอได้รับเงินประกันจากการจากไปของชายเหล่านั้นร่วม 1,000 ล้านเยน หรือราว 250 ล้านบาท

แพทย์ชันสูตรศพ พบร่องรอยของไซยาไนด์ตกค้างในร่างกายของอดีตสามีคนล่าสุด จึงขยายผลย้อนกลับไปดูอดีตสามีอีกทั้ง 2 คนของเธอ ก็พบว่าพวกเขาถูกวางยาพิษด้วยไซยาไนด์เช่นกัน ตำรวจจับกุมเธอในปี 2557 และตั้งข้อกล่าวหา “วางแผนฆาตกรรม” มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 3 คนในเวลา 6 ปี

“แม่ม่ายดำ” เป็นฉายาที่สื่อตั้งให้กับ คาเคฮิ เหมือนกับแมงมุมแม่ม่ายดำที่จะสังหารคู่ของมันภายหลังการผสมพันธุ์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย

เร่งล่า 4 คนร้ายซุ่มยิงตำรวจ สภ.ยะรัง เสียชีวิต 2 นาย ขณะที่ ผบ.ตร. อาลัยตำรวจกล้า สั่งต้นสังกัดดูแลสิทธิประโยชน์ เลื่อนเงินเดือนและชั้นยศ

นักโทษกลับใจ

อดีตนักโทษกลับใจ หลังติดคุก 30 ปี โทรคุยกับพ่อทั้งน้ำตา

อดีตนักโทษชีวิตโตมาในคุก ตั้งแต่อายุ 19 จนตอนนี้ อายุ 49 ปี ร่ำไห้กับตำรวจ ขอให้ช่วยพากลับบ้านที่จากมา 30 ปี ตำรวจโทรศัพท์หาพ่อ ให้ 2 พ่อลูกคุยกันทั้งน้ำตา

ตำรวจจีนพาผู้ต้องสงสัยฉ้อโกง 200 ราย กลับจากเมียนมา

พลเมืองจีน 200 รายที่ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง ถูกส่งตัวจากเมืองเมียวดีในเมียนมากลับจีนแล้วเมื่อวานนี้ ภายใต้การคุ้มกันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจีน

เด็ก 12 สูบบุหรี่ไฟฟ้า-ดื่มน้ำกระท่อม ทำปอดหาย

ย่าช็อก หลานวัย 12 ปี อาการวิกฤติ ปอดหายเกือบทั้งหมด ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ หลังสูบบุหรี่ไฟฟ้าและดื่มน้ำกระท่อมตั้งแต่ ป.4

ข่าวแนะนำ

สว.ยื่นถอดถอนรัฐมนตรี

สว. จ่อยื่นถอดถอน​ “รมต.” กล่าวหาอั้งยี่-ซ่องโจร

สว. ประกาศสงคราม​ เตรียมยื่นถอดถอน​ “รัฐมนตรี” กล่าวหาอั้งยี่-ซ่องโจร พ่วง​ยื่นอภิปราย-แจ้งความ​-เชิญสอบใน​กมธ.​

ส่งกลับเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนอีก 300 คน

วันที่สองของปฏิบัติการขนเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนจากเมียวดี ข้ามชายแดนไทย ส่งกลับประเทศอีก 300 คน รวม 2 วัน ส่งกลับแล้ว 500 คน เหลือพรุ่งนี้อีก 1 วัน

บุกทลายบ่อนทุนจีนเทากลางเมืองภูเก็ต

ตำรวจภูเก็ตบุกทลายบ่อน ‘กลุ่มจีนเทา’ กลางเมืองภูเก็ต รวบนักพนันชาวจีน 13 ราย พร้อมของกลางกว่า 30 รายการ พบเงินหมุนสัปดาห์เดียวกว่า 5 ล้านบาท