กรุงเทพฯ 17 พ.ค. – นักวิชาการแนะไทยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยการร่วมมือ-ช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้าน นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของทุกชาติในภูมิภาค
ในงานสัมมนาหัวข้อ “บทบาทของไทยในความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้านภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ” เนื่องในโอกาสครบรอบ 12 ปีของสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (NEDA) บรรดานักวิชาการ แนะว่า ไทยควรเดินหน้าให้ความร่วมมือและช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้าน โดยควรเน้นไปที่การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน และการคมนาคม ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ประเทศเพื่อนบ้านสามารถเข้าถึงช่องทางการค้าได้มากขึ้น จนส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวแล้ว เศรษฐกิจไทยก็จะได้ประโยชน์ เพราะเป็นการขยายช่องทางเข้าไปค้าขาย และลงทุนในประเทศเพื่อนบ้าน ที่กำลังเป็นโอกาสทางเศรษฐกิจ อีกทั้งยังดึงดูดชาติเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ให้เข้ามาลงทุนในภูมิภาคมากขึ้นด้วย ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ จะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาล
ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (UNCTAD) และอดีตผู้อำนวยการใหญ่ องค์การการค้าโลก (WTO) กล่าวว่า ที่ผ่านมาการค้าตามแนวชายแดนไทย กับเพื่อนบ้าน ประสบปัญหาหลายเรื่อง ทั้งความขัดแย้งทางการทหาร การละเมิดสิทธิมนุษยชน การค้าขายแบบผิดกฎหมาย และขาดความต่อเนื่องในการพัฒนาพื้นที่ จึงแนะว่าหากไทยเข้าไปลงทุนสร้างความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ก็ควรให้ความสำคัญ กับการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้การจัดการแนวชายแดนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยขจัดปัญหาต่างๆ ให้เหลือน้อยลง
ด้าน ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวเสริมว่า แม้การค้าชายแดนระหว่างไทยกับเพื่อนบ้านจะขยายตัวมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็พบว่ายังมีปัญหาเรื่องคุณภาพสินค้า ที่ไม่ได้มาตรฐาน และมีปัญหาการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่มขึ้น จึงแนะให้ไทย ร่วมมือแก้ปัญหาเหล่านี้ กับประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งต้องเดินหน้าร่วมมือ ด้านการศึกษา เพราะจะเป็นเครื่องมือให้ประเทศเพื่อนบ้านเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน.- สำนักข่าวไทย