ปักกิ่ง 8 ม.ค.- เว็บไซต์จองท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเผยว่า ไทยเป็นจุดหมายยอดนิยมอันดับ 5 สำหรับชาวจีนในขณะนี้ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ชาวจีนจะเริ่มท่องเที่ยวต่างประเทศในไตรมาส 2 ของปีนี้ และให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
เว็บไซต์ Trip.com ของ Trip.com Group เผยข้อมูลการจองท่องเที่ยวว่า จุดหมายยอดนิยม 5 อันดับแรกสำหรับชาวจีนได้แก่ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ฮ่องกง ญี่ปุ่น และไทย ส่วนจุดหมายระยะทางไกลยอดนิยมได้แก่ สหรัฐ สหราชอาณาจักรและออสเตรเลีย ยอดจองเที่ยวบินออกนอกประเทศจีนเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 254 หรือ 2.5 เท่าในปลายเดือนธันวาคม 2565 หนึ่งวันหลังจากทางการจีนประกาศว่าจะยกเลิกมาตรการกักตัวกับคนเข้าประเทศตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 เที่ยวบินระยะทางสั้นเป็นที่นิยมเพราะค่าตั๋วถูกกว่า นอกจากนี้สิงคโปร์ เกาหลีใต้และญี่ปุ่นก็เป็นจุดหมายยอดนิยมของชาวจีนอยู่แล้วตั้งแต่ยังไม่มีโควิด ส่วนไทยเป็นจุดหมายอันดับหนึ่งในปี 2562 ช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด มีชาวจีนมาเที่ยวมากถึง 11 ล้านคน หรือกว่า 1 ใน 4 ของชาวต่างชาติที่มาเที่ยวไทยในปีนั้น
ดร.วูลฟ์กัง ยอร์ก อัลต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหรือซีอีโอของสถาบันวิจัยการท่องเที่ยวต่างประเทศของจีนมองว่า การท่องเที่ยวในภูมิภาคจะฟื้นตัวก่อน เนื่องจากง่ายกว่าและค่าใช้จ่ายถูกกว่าท่องเที่ยวนอกภูมิภาค แต่ไตรมาสแรกของปี 2566 การเดินทางเกือบทั้งหมดของชาวจีนจะเป็นการเดินทางเร่งด่วนที่ไม่ใช่การท่องเที่ยว เช่น ทำธุรกิจ เยี่ยมครอบครัว ศึกษาต่อ หรือรักษาสุขภาพ การเดินทางเพื่อท่องเที่ยวจะเริ่มฟื้นตัวในไตรมาสสองของปี เมื่อการทำหนังสือเดินทางและขอวีซ่ามีความราบรื่นและเที่ยวบินกลับมาให้บริการครบถ้วน นักท่องเที่ยวหลายคนรอฟังประสบการณ์ของคนที่ไปเที่ยวก่อน เพราะรัฐบาลจีนได้ทำให้ชาวจีนกลัวการระบาดในโลกภายนอกมาตลอด 3 ปี ทำให้หลายคนยังกังวลใจอยู่ ขณะที่หลายคนอยากเที่ยวแบบพิเศษ เพราะโควิดทำให้ตระหนักว่าชีวิตเปราะบางและแสนสั้น ควรทำในสิ่งที่มีความหมายต่อชีวิต
Trip.com Group พบว่า ชาวจีนเปลี่ยนมาท่องเที่ยวแบบกลุ่มเล็กและอิสระมากกว่าเที่ยวเป็นหมู่คณะ และให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น เช่นเดียวกับ ดร.อัลต์ที่พบว่า คนหนุ่มสาวในจีนให้ความสำคัญกับเรื่องความยั่งยืนและการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ดรากอนเทรลอินเตอร์เนชันนัลที่ติดตามตลาดท่องเที่ยวต่างประเทศของชาวจีนสำรวจในปี 2565 พบว่า ผู้ที่คิดเดินทางร้อยละ 48.3 จะเลือกที่พักที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ร้อยละ 45.5 จะเลือกชมสัตว์ป่าด้วยวิธีที่ไม่ทำให้สัตว์ถูกทำร้าย และร้อยละ 37.9 จะช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของสถานที่ท่องเที่ยวด้วยการเก็บขยะหรือปั่นจักรยานแทนขับรถยนต์.-สำนักข่าวไทย