วอชิงตัน 12 ต.ค. – องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ หรือ นาซา ระบุว่า ยานสำรวจชื่อ ‘ดาร์ต’ (Double Asteroid Redirection Test-DART) ที่นาซาส่งขึ้นไปชนดาวเคราะห์น้อยในเดือนกันยายน ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนวิถีวงโคจรของดาวเคราะห์น้อย ซึ่งถือเป็นความสำเร็จครั้งใหญ่ของมวลมนุษยชาติ
นาซาเผยเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่า ผลการติดตามวงโคจรของดาวเคราะห์น้อย ‘ไดมอร์ฟอส’ (Dimorphos) ที่ถูกยานสำรวจดาร์ตพุ่งชนเมื่อวันที่ 26 กันยายนเป็นเวลา 2 สัปดาห์ พบว่า การพุ่งชนดังกล่าวสามารถเปลี่ยนวิถีวงโคจรของดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอสได้ และทำให้ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้มีวิถีโคจรเข้าใกล้ดาวเคราะห์น้อยที่มีขนาดใหญ่กว่าอีกดวงที่มันเป็นบริวารมากขึ้น รวมถึงทำให้วงโคจรของดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอสสั้นลง 32 นาที ขณะที่นายบิล เนลสัน ผู้อำนวยการของนาซา ระบุว่า ความสำเร็จในครั้งนี้ถือเป็นจุดพลิกผันของการป้องกันโลกและมวลมนุษยชาติ ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ไม่ใช่พล็อตในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้ นาซาได้ส่งยานสำรวจดาร์ตขึ้นไปพุ่งชนดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอส ซึ่งมีรูปร่างคล้ายไข่ไก่ มีขนาดใหญ่เกือบเท่าสนามฟุตบอล และตั้งอยู่ห่างจากโลก 10.9 ล้านกิโลเมตร โดยเฝ้าติดตามผลของภารกิจในครั้งนี้จากศูนย์ปฏิบัติการฟิสิกส์ประยุกต์ (APL) ที่มหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์ในรัฐแมริแลนด์ของสหรัฐ ซึ่งเป็นสถานที่ออกแบบและสร้างยานอวกาศของนาซา โดยที่ยานสำรวจดาร์ต ซึ่งมีขนาดเกือบเท่าตู้เย็น ได้พุ่งชนดาวเคราะห์น้อยไดมอร์ฟอสด้วยความเร็ว 22,500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้ ภารกิจดังกล่าวใช้งบประมาณสูงถึง 330 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 12,600 ล้านบาท) ใช้เวลาพัฒนานานถึง 7 ปี และถือเป็นการทดสอบการรับมืออุกกาบาตนอกโลกสำเร็จเป็นครั้งแรก.-สำนักข่าวไทย