เตรียมรื้อ 4 คานที่เหลือบนสะพานกลับรถช่วงที่พังถล่ม

กรุงเทพฯ 2 ส.ค. – เตรียมรื้อ 4 คานที่เหลือบนสะพานกลับรถช่วงที่พังถล่มลงมา ให้ประชาชนมั่นใจก่อนเปิดทางตามปกติ ก่อนประเมินอีกครั้งว่าจะซ่อมหรือสร้างใหม่ ด้าน วสท.เผยสาเหตุเบื้องต้นที่เป็นไปได้คือการจัดลำดับงานเข้าปรับปรุงรื้อพื้นสะพานออกก่อนทำให้การยึดโยงกับคาน และเสียสมดุลทำคานตัวริมและแบริเออร์ร่วง


ดร.ธเนศ วีระศิริ นายกวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุสะพานกลับรถหรือจุดยูเทิร์นเกือกม้าบนถนนพระราม 2 กิโลเมตรที่ 34 บริเวณใกล้โรงพยาบาลวิภาราม จ.สมุทรสาคร ที่เกิดเหตุพังถล่มลงมาระหว่างซ่อมแซม เมื่อวันที่ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย โดยเป็นการลงพื้นที่หลังจากการไปประชุมร่วมกับกรมทางหลวงสมุทรสาคร โดยเปิดเผยว่าข้อสรุปเบื้องต้นวันนี้กรมทางหลวงจะรื้อคานที่เหลือ 4 คานออกทั้งหมด และส่วนด้านบนของสะพานที่เสียหาย เพื่อให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าจะไม่เกิดเหตุซ้ำ หรือมีอะไรร่วงลงมาอีก ก่อนจะเปิดใช้งานถนนในบริเวณที่เกิดเหตุได้ คาดไม่เกินพรุ่งนี้จะรื้อแล้วเสร็จ ส่วนการซ่อมแซมสะพานให้กลับมาใช้ได้ดังเดิม ต้องหารืออีกครั้งว่าจะซ่อมสร้างใหม่เฉพาะจุดที่เกิดเหตุ หรือสร้างสะพานกลับรถใหม่ทั้งหมด โดยจะยึดเรื่องความปลอดภัยของผู้ใช้ทางเป็นอันดับแรก

นายกวิศวกรรมสถานฯ เปิดเผยอีกว่าจากการตรวจสอบโครงสร้างสะพานพบสาเหตุที่น่าจะเป็นไปได้เบื้องต้นของเหตุการณ์นี้คือเจ้าหน้าที่ได้ปรับปรุงพื้นสะพาน โดยสกัดพื้นเดิมออก โดยตามหลักทางวิศวกรรมพื้นคอนกรีตวางบนคานหลัก 5 คาน และมีคานเสริมความแข็งแรงช่วงกลางคาน หรือ Diaphragm ซึ่งตามหลักการซ่อมแซมต้องรื้อคานก่อน แต่จากเหตุการณ์นี้พบว่ามีการสกัดรื้อพื้นออกก่อน ทำให้น้ำหนักโดยรวมไม่มีความสมดุลจากการยึดโยงระหว่าง คานหลัก ,ไดอะแฟม และตัวแบริเออร์ จนร่วงลงมา เพราะการซ่อมแซมผิวทางบนสะพาน คานที่ขนานกันจะมีตัวยึดเพื่อทำให้ไม่ล้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคานตัวริม แต่หากในกรณีที่รื้อพื้นแล้วอาจมีการกระทบกับตัวคานยึด ผลก็จะทำให้เกิดการไร้เสถียรภาพแล้วก็ตกลงมา


ส่วนประเด็นที่ระบุว่าจากเหตุรถไฟไหม้บนสะพานจะเป็นหนึ่งในสาเหตุร่วมหรือไม่ จะต้องตรวจสอบความแข็งแรงของเหล็กเส้น โครงสร้างอย่างละเอียกอีกครั้ง ส่วนเรื่องอายุการใช้งานที่สร้างใช้มานานกว่า 30 ปีนั้นจริง ๆ แล้ว ตามอายุโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ยังถือว่ายังใช้งานได้อย่างแข็งแรงซึ่งตามหลักการจะมีการซ่อมบำรุงรักษาตามรอบ แต่อย่างไรก็ตามบนเส้นพระราม 2 เป็นเส้นทางหลักมีรถสัญจรไปมาจำนวนมาก และมีรถบรรทุกวิ่งทั้งวัน อาจทำให้เสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น จึงต้องมีการตรวจสอบซ่อมบำรุงสม่ำเสมอ โดย วสท. และสภาวิศกร ก็ได้เข้ามาเป็นตัวกลางและร่วมตรวจสอบความปลอดภัย ไม่เฉพาะจุดนี้เท่านั้น เบื้องต้นทางกรมทางหลวงได้ประสานให้ร่วมตรวจสอบสะพานกลับรถที่เป็นรูปแบบคานคอนกรีตตัวไอ (I Girder) เฉพาะบนถนนพระราม 2 จนถึงแยกวังมะนาว มีจำนวน 16 จุด ส่วนทั่วประเทศก็มีมากกว่า 160 จุด ซึ่งจากนี้หากจะเข้าไปปรับปรุงซ่อมแซม จะต้องเข้มงวดตามลำดับหลักการวิศวกรรม และการเข้าซ่อมแซมในถนนหรือสะพานนับจากนี้จะต้องปิดพื้นที่ ระบุโซนก่อสร้าง กำหนดรัศมีก่อสร้างให้ชัดเจน และหากเป็นการปรับปรุงสะพานหรืออะไรก็ตามที่จะมีโอกาสวัตถุใด ๆ ร่วงหล่นลงมา ต้องไม่ให้ประชาชนสัญจรผ่าน

ในจุดที่เกิดเหตุเป็นโครงการปิดซ่อมแซมพื้นสะพานกลับรถทางหลวงหมายเลข 35 ที่ กม.34 ของกรมทางหลวง ที่ดำเนินการโดยศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) เนื่องจากสะพานนี้สร้างมาตั้งแต่ปี 2536 มีอายุใช้ยาวนานและที่จุดบนสะพานกลับรถในช่วงตอม่อที่ 11-13 บริเวณเดียวกันกับที่คอนกรีตถล่มลงมานั้น เมื่อปี 2547 เกิดเหตุรถน้ำมันไฟไหม้ มีข้อมูลว่าชาวบ้านสมุทรสาครมีความกังวลถึงความปลอดภัยของสะพานดังกล่าวมาเป็นระยะ ๆ และได้แจ้งร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กระทั่งมาถึงกำหนดการซ่อมครั้งนี้ ทล.ได้แจ้งปิดซ่อมปรับปรุงพื้นผิวสะพาน 23 มิ.ย-31 ส.ค.65. -สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”