กรุงเทพฯ 30 มิ.ย. – วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ คาดเหตุทางเลื่อนดูดขาผู้โดยสาร เกิดจากวัสดุตกหล่นไปขัดบริเวณปลายหวี จนแตกหัก และง้างทางเลื่อน จนเกิดช่องโหว่
ข่าวใหญ่เมื่อวานนี้ (29 มิ.ย.66) เหตุทางเลื่อนท่าอากาศยานดอนเมืองดูดขาผู้โดยสารเจ็บสาหัส จนต้องตัดขาทิ้ง นายบุญพงษ์ กิจวัฒนาชัย ที่ปรึกษาคณะกรรมการสาขาวิศวกรรมเครื่องกล วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยฯ (วสท.) เปิดเผยหลังสำรวจเบื้องต้นในสถานที่เกิดเหตุ พบว่า มีการแตกหักของแผ่นหวี และมีบางชิ้นส่วนของหวีแตกหัก ลักษณะคล้ายเป็นรูปโค้งของวงกลม ซึ่งอาจจะเกิดจากการขัดกันระหว่างวัสดุสองชนิดในช่วงที่เกิดเหตุ โดยพบว่าแผ่นพื้นทางเลื่อนที่หลุดยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ และหล่นไปอยู่ที่กล่องทางเลื่อนอัตโนมัติ ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 เมตร บ่งชี้ว่าน็อตที่ล็อกแผ่นพื้นกับรางเลื่อนขาด จากข้อมูลของการบำรุงรักษา ซึ่งผู้ทำการตรวจความปลอดภัย (OA) ของระบบบันไดเลื่อนทั้งหมดรวมถึงทางเลื่อนอัตโนมัติ ได้รับรองความสมบูรณ์ของอุปกรณ์ และก่อนเปิดใช้งานทุกวัน เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาจะต้องตรวจสอบการทำงานของระบบก่อน จึงไม่เป็นเหตุให้ระบบบันไดเลื่อนและทางเลื่อนอัตโนมัติทำงานผิดปกติ
ดังนั้น การเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว จึงสันนิษฐานเป็นลำดับได้ว่า อาจเกิดจากการที่มีวัสดุตกหล่นไปขัดอยู่บริเวณปลายหวี และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ล้อกระเป๋าเดินทางไปติดอยู่ที่ปลายหวีนั้นด้วย เมื่อล้อของกระเป๋าเดินทางไม่สามารถเคลื่อนตัวต่อไปได้ จึงเกิดการขัดตัว จนกระทั่งปลายหวีแตกหักและหลุดเข้าไปในระบบทางเลื่อนอัตโนมัติ เป็นเหตุให้ไปง้างแผ่นพื้นทางเลื่อน เกิดการกระดกจนน็อตที่ล็อกแผ่นพื้นกับรางเลื่อน ขาด เกิดช่องว่างกว้างพอที่จะทำให้ขาของผู้บาดเจ็บที่กำลังก้าวหล่นลงไป
นายบุญพงษ์ ยังอธิบายถึงหลักการทำงานและความแตกต่างของทางเลื่อนและบันไดเลื่อน ซึ่งการทำงานและอุปกรณ์คล้ายกัน แต่ที่แตกต่างเห็นได้ชัดเจน 2 เรื่อง คือ มุมที่วัดจากแนวระนาบสำหรับทางเลื่อนอัตโนมัติจะไม่เกิน 11 องศา เพื่อให้แผ่นพื้นเรียบ หากมุมจากแนวระนาบเกินกว่านี้ จะต้องทำแผ่นพื้นให้เป็นขั้นบันไดเลื่อน และอีกข้อ คือ การรับน้ำหนัก ซึ่งทางเลื่อนอัตโนมัติ 1 แผ่นพื้น สามารถรับน้ำหนักได้ 160 กิโลกรัม ขณะที่บันไดเลื่อนจะออกแบบให้รับน้ำหนักที่ 75 กิโลกรัมต่อคน ซึ่งเรื่องน้ำหนักมีความสำคัญในการออกแบบอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยของทั้งระบบบันไดเลื่อนและทางเลื่อนอัตโนมัติ พร้อมกันนี้ยังได้แนะนำการใช้ทางเลื่อนและบันไดเลื่อนอย่างปลอดภัย 4 ข้อ คือ ต้องมีสติ, งดหรือหลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือ, ควรจับราวบันไดตลอดเวลา และหากมีเสียงผิดปกติให้งดการใช้งานทันที
ส่วนความคืบหน้าทางคดี พันตำรวจเอกอดิเรก ทองแกมแก้ว ผู้กำกับ สน.ดอนเมือง บอกว่า ตอนนี้เร่งสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง และต้องรอผลการตรวจพิสูจน์ของกองพิสูจน์หลักฐาน เพื่อพิจารณาว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างไร เป็นความผิดบกพร่องตรงไหน ซึ่งการรับผิดชอบนั้นเป็นของการท่าอากาศยานดอนเมือง แต่จะต้องตรวจสอบว่าบริษัท outsource ที่มาดูแลทางเลื่อน ได้ดำเนินการตรวจสอบการใช้งานอย่างไร ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ส่งหนังสือไปยังบริษัทดังกล่าวแล้วเพื่อขอสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตอนนี้พนักงานสอบสวนเร่งดำเนินการทุกอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อผู้เสียหาย โดยเมื่อเช้าที่ผ่านมาได้โทรศัพท์ไปสอบถามกับทางญาติของผู้เสียหาย ซึ่งยังรักษาตัวอยู่ที่ห้องไอซียู โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โดยในวันพรุ่งนี้ (1 ก.ค.) ผู้กำกับ สน.ดอนเมือง และพนักงานสอบสวนจะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อสอบถามข้อมูลเบื้องต้นก่อน
หนึ่งในกำลังใจที่ส่งไปให้ผู้เสียหายและครอบครัว คือ “น้องธันย์” หญิงสาวที่เคยประสบอุบัติเหตุตกรางรถไฟฟ้าที่ประเทศสิงคโปร์ และต้องตัดขาทั้ง 2 ข้างทิ้ง เมื่อปี 54 จนเป็นข่าวโด่งดังในช่วงนั้น ตอนนี้ เธอเป็นเจ้าของเพจ “น้องธันย์สาวน้อยคิดบวก” และขอให้กำลังใจถึงผู้เสียหาย น้องธันย์ บอกว่า อยากให้คุณแม่ท่านนี้ให้กำลังใจกับตัวเองเป็นอันดับแรก การสูญเสียขาไม่ใช่เรื่องที่จะทำใจได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่ยากเกินไป สมัยที่เธอประสบเหตุ ขาขาดทั้ง 2 ข้าง เธอก้าวข้ามความทุกข์ด้วยการตั้งสติ เปิดใจ เรียนรู้สิ่งใหม่ว่าจะทำอย่างไรต่อไป โดยเธอขอให้คุณแม่มีกำลังใจ และเริ่มฝึกกายภาพเป็นประจำ ด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้มั่นใจว่า จะกลับมาเดินได้อย่างแน่นอน ขณะที่กำลังใจจากคนรอบข้างก็เป็นสิ่งสำคัญมากเช่นกัน.-สำนักข่าวไทย