ทำเนียบรัฐบาล 4 ก.ค.-“ชัชชาติ” บอกแก้ปัญหาสายสีเขียวคืบหน้า เล็งเปิดสัญญาให้ประชาชนรู้ตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ชี้ค่าใช้จ่ายทั้งหมดต้องชัด เพราะเป็นตัวกำหนดค่าโดยสาร
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว ว่า มีความคืบหน้าพอสมควร เพราะทราบประเด็นแล้วว่าจุดไหนมีปัญหา และต้องลงในรายละเอียดระหว่างกรุงเทพธนาคมกับบริษัทเอกชนที่จะต้องเจรจาว่าสามารถลดอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ส่วน กทม.ก็ต้องดูเรื่องหนี้เป็นหลักตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ให้ข้อคิดเห็นไว้ว่าจะต้องกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ได้ก่อน
ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า หนี้ของ กทม.มี 3 ส่วน คือ หนี้ระหว่าง กทม.กับรัฐ ตรงนี้ไม่ได้กังวลมาก เพราะถึงอย่างไรก็กระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวา หนี้ค่างานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล และหนี้เรื่องค่าเดินรถ โดยเฉพาะในส่วนสัญญาที่ 2 ซึ่งต้องดูว่าสัญญากระบวนการครบถ้วนหรือไม่ ถ้าไม่ครบก็ต้องทำให้ครบเสียก่อนที่จะเริ่มจ่ายหนี้ ก็ต้องให้ชัดเจนก่อน ต้องทำตรงไปตรงมา ต้องไปดูเรื่องสัญญาจ้างบีทีเอสเดินรถส่วนต่อขยายปี 2572-2585
“อยากจะเปิดสัญญาให้ประชาชนทราบ แต่ต้องดูเรื่องกฎหมายให้ชัดเจนก่อน เนื่องจากในสัญญาเขียนไว้ว่าห้ามเปิดเผยต่อสาธารณะ เว้นแต่กฎหมายบังคับ และทางองค์กรผู้บริโภคได้ส่งข้อเรียกร้องมาแล้ว จะเอาตรงนี้เป็นจุดที่จะบอกว่าสามารถเปิดเผยได้หรือไม่ โดยจะอ้างอิงจาก พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวของสารราชการ ถ้าข้อมูลใดที่ประชาชนขอมา ให้ได้ก็ต้องให้ เพราะประชาชนเป็นเจ้าของเงินที่เราต้องจ่ายเอกชนอยู่แล้ว เป็นเงินภาษีประชาชน และถ้าเปิดเผยได้จะสรุปให้เสร็จเลยว่า ค่าใช้จ่ายการเดินรถเป็นเท่าไหร่ ซึ่งการเปิดเผยดังกล่าวคงไม่ต้องหารือกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากเป็นสัญญาระหว่าง กทม.คือกรุงเทพธนาคม กับเอกชน” นายชัชชาติ กล่าว
เมื่อถามว่า หากจะเปิดข้อมูลต้องให้คู่สัญญายินยอมด้วยหรือไม่ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ต้องปรึกษากันอีกครั้ง เพราะคู่สัญญาของ กทม.ไม่ใช่บริษัทเอกชน ต้องถามกรุงเทพธนาคมก่อน แล้วกรุงเทพธนาคมกับคู่สัญญาก็ไปว่ากันอีกที เพราะเราก็ขอเอกสารในฐานะผู้ถือหุ้นของกรุงเทพธนาคม การเซ็นสัญญาเกิดขึ้นระหว่างกรุงเทพธนาคม กับเอกชน ไม่ใช่กทม.เป็นคนเซ็น แต่เราต้องรับผิดชอบจึงต้องดูให้ละเอียดและได้สรุปตัวเลขและค่าใช้จ่ายไว้แล้ว
“ค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นตัวเลขที่นำมาพิจารณาเรื่องค่าโดยสาร เราต้องเก็บค่าโดยสารให้ครอบคลุมกับค่าใช้จ่ายที่เรามีสัญญากับเอกชนไว้ ดังนั้นค่าใช้จ่ายจึงมีความสำคัญ เพราะฉะนั้นค่าใช้จ่ายจึงมีความสำคัญว่าเท่าไหร่ ดังนั้นเราจะบอกว่าค่าโดยสารจะ 20 บาท 30 บาท สุดท้ายขึ้นอยู่กับว่าเราจะต้องจ่ายเขาเท่าไหร่ ตรงนี้เป็นจุดสำคัญ” นายชัชชาติ กล่าว
ส่วนจะใช้เวลาอีกนานหรือไม่กว่าจะเคลียร์ได้ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะเรื่องนี้เริ่มปี 2572-2585 ยังมีเวลา ยกเว้นส่วนที่เดินรถในปัจจุบันคือส่วนหนึ่งและส่วนสอง ส่วนหนึ่งคงแก้ไขอะไรได้ยาก เพราะมีสัญญาระหว่าง กทม.กับกรุงเทพธนาคม และกรุงเทพธนาคมกับเอกชน แต่ส่วนสอง เรามอบหมายกรุงเทพธนาคม แล้วกรุงเทพธนาคมไปจ้างเอกชน ต้องมาดูความเชื่อมโยงว่าครบถ้วนหรือไม่
“เรื่องเวลาจึงไม่ใช่เงื่อนไข ทั้งนี้ เวลามีเงื่อนเดียวคือเรื่องหนี้เพราะเป็นหนี้ที่ดอกเบี้ยเดินอยู่แต่เรื่องสัญญาเดินรถ จริงๆแล้วหัวใจคือสัญญาจ้างบีทีเอสเดินรถส่วนต่อขยาย ปี 2572-2585 ซึ่งปัจจุบันเรายังมีเวลาอีก 6-7 ปี ส่วนเรื่องนี้จะนำเข้าคณะรัฐมนตรีได้เมื่อใด ต้องแล้วแต่ ครม. แต่ทางเราต้องให้ความเห็นประกอบไป เชื่อว่าอีกไม่นานเพราะตอนนี้ทุกอย่างเริ่มชัดเจนแล้วเพราะทำงานมา 1 เดือนแล้ว” นายชัชชาติ กล่าว
ส่วนที่เคยระบุว่ามีความหนักใจ ตอนนี้เบาใจขึ้นบ้างหรือไม่ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ที่หนักใจคือภาระตกไปที่ประชาชน เพราะมีเงื่อนของการเซ็นสัญญาอยู่แล้ว จะเป็นอย่างไรจะพูดคุยได้มากน้อยแค่ไหน เพราะบางอย่างเราไม่ได้เป็นคนทำ แต่สัญญาเซ็นไปแล้ว จะมีขบวนการของกฎหมายอยู่ว่าจะทำอย่างไร.-สำนักข่าวไทย