รัฐสภา 15 มิ.ย.- ฝ่ายค้านยื่นซักฟอกนายกฯ และรัฐมนตรี รวม 11 คน ไม่ซื่อสัตย์ บริหารผิดพลาดล้มเหลว และมีพฤติกรรมเสมือนคนไร้สมอง ชี้สัปดาห์ที่ 3 ก.ค. เหมาะ ขอ 5 วัน ย้ำซักฟอกครั้งสุดท้ายหวังทั้งมือในสภาและศรัทธาประชาชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยแกนนำพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ตามมาตรา 151
นพ.ชลน่าน กล่าวว่าพรรคร่วมฝ่ายค้าน จำนวน 7 พรรค ได้ร่วมกันเข้าชื่อตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 ทั้งหมด 182 รายชื่อ ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ขออภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล จำนวน 11 คน รวมทั้งนายกรัฐมนตรี ได้แก่
- พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
- นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฐ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
- นายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข
- พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
- พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
- นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
- นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส
- นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
- นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
- นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย
- นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน
นพ.ชลน่าน กล่าวว่าสำหรับข้อกล่าวหานายกรัฐมนตรี คือ ผิดพลาดล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน จงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญกฎหมายและมาตรฐานจริยธรรม ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตต่อหน้าที่ ไม่ปฏิบัติตามคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภา มีพฤติการณ์พฤติกรรมในการบริหารราชการแผ่นดินที่ปล่อยปละละเลยให้มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน จัดการผู้เห็นต่าง ถือเป็นการทำลายระบอบประชาธิปไตยและระบบรัฐสภา ซึ่งนายกรัฐมนตรีมีบุคลิกลักษณะความรู้ความสามารถเสมือนพิการทางสมอง
สำหรับข้อกล่าวหา นายจุรินทร์ เน้นที่ความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเพื่อพวกพ้อง ปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตคอร์รัปชัน นายอนุทิน เป็นเรื่องของการบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลวผิดพลาดบกพร่อง สนับสนุนหรือกระบวนการทำให้เกิดการทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีการใช้เงินใช้ทองให้ได้มาซึ่งอำนาจสนับสนุนพรรคตัวเอง
พลเอกประวิตร ข้อกล่าวหาจงใจไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ สนับสนุนให้มีการแสวงหาประโยชน์ พลเอกอนุพงษ์ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ซึ่งธรรมาภิบาลบกพร่องล้มเหลว เอื้อประโยชน์ให้มีการประพฤติมิชอบเกิดขึ้น เช่นเดียวกับนายศักดิ์สยาม ที่ปล่อยให้มีการทุจริตประพฤติมิชอบและใช้ตำแหน่งหน้าที่ ในการแสวงหาประโยชน์เพื่อพวกพ้อง นายชัยวุฒิ มีพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อมาตรฐานจริยธรรม และเสื่อมเสียจริยธรรมอันดี
นายจุติ ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ล้มเหลวในการบริหารราชการทำให้คนไร้ที่อยู่อาศัย ใช้งบประมาณแผ่นดินเพื่อมุ่งหาประโยชน์สำหรับตนเองและพวกพ้อง ส่วนนายสุชาติ บริหารราชการแผ่นดินไม่ซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์
สำหรับไทม์ไลน์หรือวันเวลาประชุมนั้น หากเป็นไปตามที่ประธานเสนอว่าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ตำรวจน่าจะเสร็จวันที่ 24 มิถุนายน หรือไม่เกินวันที่ 1 กรกฎาคม สัปดาห์แรกมีกฎหมายอื่น สัปดาห์ที่ 2 วันหยุดยาว จึงมีช่วงว่างสัปดาห์ที่ 3 น่าจะเหมาะสมที่สุด และเท่าที่หารือต่อรองกับรัฐบาลตอนแรกใช้เวลา 4 วัน สำหรับ 9 คน ครั้งนี้ 11 คน ขอเวลาอย่างน้อย 5 วัน
ส่วนจะหวังผลแค่ไหนนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่าครั้งนี้เป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งสุดท้ายก่อนจะมีการเลือกตั้ง มั่นใจว่าจะมีการเลือกตั้งก่อนเวลา โดยตั้งวัตถุประสงค์ไว้ 2 เรื่อง คือ อาศัยมือในสภาที่จะเด็ดหัว หมายถึงนายกรัฐมนตรี และสอยนั่งร้าน คือรัฐมนตรี ให้ได้ นั่นหมายความว่ามีเสียงพอที่จะโหวตไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี และส่วนที่ 2 สิ่งที่คาดหวัง คือ สนามเลือกตั้ง สอยให้ประชาชนเป็นผู้วินิจฉัย โดยศรัทธาของประชาชนจะมีผลต่อการเลือกตั้งในสมัยหน้า ด้านนายชวน กล่าวว่าจะรับญัตติตามมาตรา 151 ไปพิจารณาภายใน 7 วันว่าถูกต้องหรือไม่ หากมีอะไรที่ไม่ถูกต้องก็ให้มีการแก้ไข ซึ่งโดยทั่วไปจะมีปัญหาเรื่องลายเซ็นที่ไม่ตรงกัน เจ้าหน้าที่จึงต้องตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญ ส่วนเนื้อหาข้อความถึงบอกให้แก้ไข ก็คงไม่แก้ ซึ่งเป็นเรื่องของความไม่ไว้วางใจ แต่อยากเรียนว่าเราเคยอภิปรายไม่ไว้วางใจกันมาทุกปี ประสบการณ์คงทราบดีว่าแต่ละฝ่ายจะต้องเตรียมตัวอย่างไร โดยใช้เวลาประมาณ 2-3 สัปดาห์ และช่วงบ่ายวันนี้จะหารือร่วมกับผู้นำฝ่ายค้าน กับประธานจะหารือร่วมกันอีกครั้ง .- สำนักข่าวไทย