นายกฯ เปิดโครงการ “SML” สานต่อสมัย “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์”

อิมแพ็ค 21 เม.ย.-นายกฯ เปิดโครงการ “SML ส่งตรงโอกาสถึงชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน” สานต่อสมัย “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” สร้างชุมชนเข้มแข็ง โปรยยาหอมทำดีมีเพิ่ม

น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงานและมอบนโยบาย โครงการ SML “ส่งตรงโอกาสถึงชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน” ภายใต้โครงการสนับสนุน เสริมสร้าง ศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอย่างมั่นคง โดยคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) มีนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง คณะกรรมการ กทบ. ตัวแทนสมาชิก กทบ.และประชาชน ที่พร้อมใจสวมเสื้อแดงสกรีนโลโก้ กทบ.ร่วมงาน


ภายในงานจัดบอร์ดแสดงวัตถุประสงค์และที่มาของโครงการ “SML ส่งตรงโอกาสถึงชุมชน” เริ่มตั้งแต่ปี 2547 ที่มีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ริเริ่มโครงการภายใต้แนวคิด ร่วมคิด ร่วมทำ เพื่อประชาชน ฃโดยประชาชน ต่อมาปี 2555 สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรอดีตนายกรัฐมนตรี ดำเนินการสานต่อโครงการ จนมาถึงปี 2568 ในรัฐบาล น.ส.แพทอง ชินวัตร เป็นผู้เดินหน้าต่อยอดโครงการให้ต่อเนื่อง พร้อมตั้ง
สแตนดี้ 3 นายกฯ ให้ผู้สนใจได้ถ่ายรูป พร้อมจัดบูธแสดงผลิตภัณฑ์ของหมู่บ้านที่ได้รับจัดสรรงบ SML ตามขนาดหมู่บ้านวางจำหน่าย ทั้งนี้เมื่อนายกฯ มาถึง ได้ทักทายกับประชาชนและถ่ายรูปเซลฟี่เป็นที่ระลึก

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า วันนี้เป็นอีกวันสำคัญ ที่เราได้มาร่วมกันยืนยันว่าประเทศไทยของเราจะก้าวไปข้างหน้าอย่างเข้มแข็ง เพราะถ้าชุมชนเข้มแข็ง เราก็จะเข้มแข็งไปด้วยทั้งประเทศ การทำให้ประชาชน ชุมชนต่างๆ เข้มแข็งมากขึ้นทำได้โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนมีสิทธิ์ในการตัดสินใจร่วมกันเพื่อชุมชนของตัวเอง นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุด รัฐบาลตั้งใจกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นเราจะให้โอกาสประชาชน


อย่างไรในเมื่อประเทศไทยมีหลายจังหวัด หลายชุมชนหลายหมู่บ้าน ดังนั้นประชาชนในที่ต่างๆ รู้ปัญหาของตัวเองดีที่สุดและต้องเป็นผู้นำเสนอ ส่วนรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุน ถ้าประชาชนแต่ละชุมชนมีโอกาสร่วมกันตัดสินใจเป็นประชาคมคือทางออกแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด และเป็นสิ่งที่เราอยากเห็น จึงอยากให้ประชาชนมารวมตัวกันช่วยกันคิดว่าอะไรจะเกิดประโยชน์สูงสุดต่อชุมชนของตัวเอง โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนให้ทุกชุมชนเข้มแข็งก้าวไปข้างหน้าพร้อมกัน

กองทุนหมู่บ้านเป็นโครงการที่เริ่มต้นปี 2544 นำโดยรัฐบาลพรรคไทยรักไทย ปีนี้ปีที่ 24 ได้เห็นบทบาทของกองทุนช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากฐานราก สร้างโอกาสและอาชีพเพิ่มให้กับประชาชน แก้ปัญหาหลักของประชาชนทั่วไปได้ ปัจจุบันมีกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองกว่า 79,610 แห่ง มีสมาชิกกว่า 13 ล้านคน มีเงินทุนหมุนเวียนรวมกว่า 3 แสนล้านบาท และเรามีโครงการสนับสนุนและเสริมสร้างกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอย่างมั่นคง หรือโครงการ SML ที่เรารู้จักกันโครงการนี้จะถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งด้วยเสียงเรียกร้องจากประชาชน ว่าสามารถตอบโจทย์แก้ไขปัญหาชุมชนได้จริง และหัวใจของโครงการนี้ไม่ใช่ต้องแจกตังให้ชุมชน แต่เรามองเห็นโครงการเล็กๆที่มีผลต่อประชาชนจริง โดยเริ่มจากการดูจำนวนพี่น้องประชาชนในแต่ละหมู่บ้าน เพื่อกำหนดงบประมาณในการช่วยเหลือ เช่น 200,000 บาท และ 400,000 บาท เงินเหล่านี้ไปตกลงกันเองในหมู่บ้าน รวมตัวกันทำประชาคมว่าจะทำอะไร เช่น ทำกล้องซีซีทีวีติดในหมู่บ้าน หรือเลือกว่าอะไรดีที่สุดสำหรับชุมชนของเรา

“มั่นใจว่าทุกท่านรู้ปัญหาหมู่บ้าน และชุมชนว่าคืออะไร และปัญหาที่จะเกิดขึ้นกับลูกหลานในอนาคตคืออะไร ถ้าแต่ละชุมชนสามารถทำตรงนี้ได้ ตอบโจทย์และช่วยกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ ทำดีมีเพิ่มจะมีอยู่จริง ไม่ได้แค่พูดขึ้นมาเฉยๆและหวังว่าจะมีโอกาสให้ชุมชนเล็กๆได้ช่วยกันผลักดันเศรษฐกิจในจุดเล็กๆ เพิ่มเป็นจุดที่ใหญ่ขึ้น จนถึงระดับประเทศ หวังว่าทุกชุมชนจะสามารถหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับชุมชนของตัวเองได้อย่างดีและมั่นคงต่อไป” นางสาวแพทองธาร กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมจะส่งตรงโอกาสถึงชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน และนี่คือจุดเริ่มต้นอีกครั้งที่จะทำให้ชุมชนแต่ละที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น และไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ต้องขอบคุณทีมงานที่ทำโครงการดีๆ ร่วมกัน มาตั้งแต่ระยะเริ่มจนวันนี้ได้กลับมาทำอีกครั้ง ขอให้กำลังใจพร้อมกับให้ความมั่นใจว่ารัฐบาลจะเป็นผู้สนับสนุนที่ดีให้กับประชาชนทุกคน เพื่อที่จะมีฐานะความเป็นอยู่ดี มีอาชีพและสามารถดูแลครอบครัวของตัวเองได้ดียิ่งขึ้นต่อไปอย่างมั่นคง

นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนากยรัฐมนตรี กล่าวรายงานความเป็นมาของการดำเนินโครงการว่า “การดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน ชุมชน หรือ SML ริเริ่มขึ้น เมื่อปี พ.ศ 2547 นโยบายของโครงการเกิดจากพรรคไทยรักไทยและพบว่าสิ่งที่ประชาชนต้องการ คือ งบประมาณ ในการแก้ไขปัญหาของหมู่บ้าน/ชุมชน จึงได้ริเริ่ม โครงการเพื่อต้องการให้มีการจัดสรรงบประมาณโดยตรง จะได้นำไปแก้ไขปัญหาส่วนรวม เพื่อการดำรงชีวิตประจำวันโดยประชาชนเป็นผู้บริหารจัดการเอง ถือเป็นอีกขั้นหนึ่งของการพัฒนาประชาธิปไตย สำหรับปี 2568 รัฐบาลได้เดินหน้าโครงการ ซึ่งเป็นการกระจายเม็ดเงินจากส่วนกลางลงสู่หมู่บ้าน/ชุมชนโดยตรง ให้ประชาชนเป็นคนบริหารจัดการเงิน ช่วยกันคิดโครงการ ให้ตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาให้กับชุมชน

นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความเป็นมาของการดำเนินโครงการว่า “การดำเนินโครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้าน/ชุมชน หรือ SML ริเริ่มขึ้น เมื่อปี พ.ศ 2547 ภายใต้การนำของนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น โดยจุดเริ่มต้นโครงการเกิดจากการเดินทางไปตรวจราชการทั่วประเทศ และพบว่าสิ่งที่ประชาชนต้องการ คือ งบประมาณ ในการแก้ไขปัญหาของหมู่บ้าน ชุมชน จึงได้ริเริ่ม โครงการโดยมีวัตถุประสงค์สำคัญ คือ ต้องการให้มีการจัดสรรงบประมาณโดยตรง จะได้นำไปแก้ไขปัญหาส่วนรวม เพื่อการดำรงชีวิตประจำวัน โดยประชาชนเป็นผู้บริหารจัดการเอง ถือเป็นอีกขั้นหนึ่งของการพัฒนาประชาธิปไตย

ต่อมา ปี 2555 รัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ได้สานต่อโครงการ SML อีกครั้ง ภายใต้แนวคิดเดิม สำหรับปี 2568 รัฐบาลได้เดินหน้าโครงการ ซึ่งเป็นการกระจายเม็ดเงินจากส่วนกลางลงสู่หมู่บ้าน ชุมชนโดยตรง ให้พี่น้องประชาชนเป็นคนบริหารจัดการเงิน ช่วยกันคิดโครงการ ให้ตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาให้กับชุมชน

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ได้รับมอบหมายให้ดำเนินโครงการ วงเงินงบประมาณ 11,392,200,000 บาท เพื่อจัดสรรงบประมาณให้กับกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ตามขนาดประชากรของกองทุนหมู่บ้าน ชุมชนเมือง เพื่อให้การขับเคลื่อนโครงการสนับสนุน เสริมสร้างศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอย่างมั่นคง บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่กำหนด สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เล็งเห็นว่าคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และภาคีพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นกลไกสำคัญที่ในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของโครงการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ จึงได้จัดงานส่งตรงโอกาสถึงชุมชน โดยชุมชน เพื่อชุมชน ภายใต้โครงการสนับสนุน เสริมสร้างศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอย่างมั่นคง เพื่อสร้างการรับรู้การดำเนินงานโครงการสนับสนุน เสริมสร้าง ศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอย่างมั่นคงขึ้นในวันนี้ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อสร้างการรับรู้การดำเนินโครงการให้คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง และภาคีพันธมิตรที่เกี่ยวข้อง มีความรู้ ความเข้าใจ ทั้งระเบียบวิธีปฏิบัติ และเพื่อเตรียมความพร้อมการดำเนินงานโครงการสนับสนุน เสริมสร้าง ศักยภาพกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองอย่างมั่นคง ของคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ไทยฝนฟ้าคะนอง ตกหนักบางแห่ง

กทม. 13 ก.ย.-กรมอุตุฯ รายงานไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง และฝนตกหนักบางแห่งในภาคอีสาน ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ และปริมณฑล ตะวันออก และใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนอง และมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง และอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย 06.00 น. วันนี้ ถึง 06.00 น. วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน […]

“พล.ท.บุญสิน” ยันยังไม่ดำเนินการโครงการอบรมโดรนเกษตร

กทม. 12 ก.ย.- “พล.ท.บุญสิน” แจงบริษัทเอกชนมามอบของ-ถ่ายรูป พร้อมเสนอโครงการอบรมโดรนเกษตร ยืนยันยังไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อวันที่ 12 ก.ย.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่มีบริษัทเอกชนเข้ามาถ่ายรูปร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 2 โดยมีการนำโครงการ “อบรมการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ให้กับทหารเพื่อเป็นการเพิ่มทักษะ เพื่อใช้ในการเกษตร” วานนี้ (11 ก.ย.) ว่า บริษัทดังกล่าวได้เข้ามาพบเหมือนกับพี่น้องประชาชนและบริษัทต่างๆ ที่เข้ามาพบมอบของ เพียงแต่ว่าทางบริษัทนี้เข้ามานำเสนอโครงการโดรน ตนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมาก เพียงแต่รับฟังไว้ ประมาณ 10 นาที ทางคณะดังกล่าวก็ขอถ่ายภาพ ก่อนเดินทางกลับ “ผมยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการดำเนินการทำอะไรเลย ยังไม่ผ่านการตรวจสอบให้รอบคอบ ยืนยันอีกครั้งยังไม่ได้ดำเนินการอะไรทั้งนั้น” พล.ท.บุญสิน กล่าว.-313.-สำนักข่าวไทย

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

ผลักดัน “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว 7 คน กลับกัมพูชา

จันทบุรี 12 ก.ย. – ตม.ศรีสะเกษ ประสาน ตม.จันทบุรี ส่งตัว “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว รวม 7 คน กลับกัมพูชา หลังถูกกล่าวหาเป็นไส้ศึก และถูกชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ทั้งยังพบอาศัยอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ นำตัวนางเขื่อน ชาวกัมพูชา และสมาชิกครอบครัว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอรับตัวอยู่ก่อนแล้ว เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา นางเขื่อน ถูกชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รวมตัวกันขับไล่ หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็น “ไส้ศึก” คอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทหารไทยให้กับฝ่ายกัมพูชา และยังพบว่าทั้งหมดอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จึงดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบการต่างประเทศ เพื่อส่งตัวกลับภูมิลำเนา. – สำนักข่าวไทย