ดีเอสไอ 21 เม.ย. – 3 คนไทยผู้ต้องหาคดีนอมินี ถือหุ้น บ.ไชน่า เรลเวย์ฯ ปฏิเสธข้อกล่าวหา ยันไม่ได้เป็นนอมินีถือหุ้นแทน ขณะที่ทั้ง 3 คน ยอมรับรู้จักกันเอง ส่วนจะรู้จักคนจีนหรือไม่ ต้องรอสอบสวนเสร็จ
พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค ในฐานะรองหัวหน้าคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ และโฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงกรณที่กรรมการคนไทย 3 คน ของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ ฯ ประกอบด้วย นายประจวบ, นายมานัส และนายโสภณ ที่ถูกหมายจับ ได้เข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษนั้น ว่า ทั้ง 3 คนเข้ามอบตัวครบเรียบร้อยแล้ว เบื้องต้นให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา แจ้งว่าไม่ได้เป็นนอมินีถือหุ้นแทน ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนปากคำ ส่วนก่อนหน้านี้เหตุใดทั้งหมดจึงไม่เดินทางเข้ามอบตัวนั้น ตามที่ตนได้สื่อสารไปช่วงเช้าวันนี้ว่าเราอยากให้เข้ามาทำหน้าที่คนไทย ปรากฏว่าช่วงบ่าย ทั้งหมดก็เข้ามาพบพนักงานสอบสวน ส่วนก่อนหน้านี้ไปอยู่ที่ไหนมานั้น เรายังไม่มีข้อมูล เพราะเพิ่งแจ้งข้อกล่าวหา ขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงสอบสวนปากคำ รวมถึงประเด็นความเกี่ยวข้องระหว่างนายชวนหลิง จาง กับ 3 กรรมการคนไทยว่าจะให้การสอดคล้องกันมากน้อยเพียงใด จึงจะทำให้เห็นความชัดเจน ซึ่งตอนนี้ทั้ง 3 คนไทยยอมรับว่ารู้จักกันเอง แต่จะรู้จักกับทางคนจีนหรือไม่นั้น ต้องรอสอบสวนปากคำให้เเล้วเสร็จก่อน
โดยประเด็นสอบสวนจะยึดตามองค์ประกอบของความผิด พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 ตั้งแต่เรื่องทุน เรื่องของการดำเนินกิจการ ใครมีอำนาจในการดำเนินกิจการอย่างไรบ้าง ใครเป็นผู้ชักชวนเข้ามาในบริษัท อีกทั้งเรื่องข้อมูลที่ดีเอสไอได้สืบสวนสอบสวน พบว่าพื้นเพแบ็คกราวน์ของพวกเขาเป็นเพียงพนักงานภายในบริษัท ไชน่า เรลเวย์ฯ แต่ก็ต้องขยายผลไปอีก เพราะในคำให้การมันจะแตกย่อยประเด็นอื่นไปได้อีก โดยเฉพาะเรื่องทุน
พ.ต.ต.วรณัน เผยด้วยว่า กรณีการจับกุมนายชวนหลิง จาง ที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจของประเทศจีน เราได้รับการยืนยันว่านายจาง เป็นเจ้าหน้าที่รัฐวิสาหกิจตามที่เเจ้งจริง ส่วนว่าเหตุใดทั้ง 3 กรรมการคนไทยจึงเพิ่งเข้ามามอบตัวในวันนี้ ก็เป็นประเด็นที่เราต้องสอบถามเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่าทั้ง 3 ราย น่าจะเห็นข่าวเรื่องหมายจับศาลอาญาวานนี้ (20 เม.ย.) จึงเข้ามาพร้อมกับทนายความ โดยที่เห็นในตอนนี้ พบว่าผู้ต้องหา 1 ราย จะมีทนายความประกบ 1 รายเช่นกัน
ทั้งนี้ หลังสอบสวนเสร็จสิ้นจึงจะได้พิจารณาเรื่องการประกันตัวชั่วคราว ซึ่งตามหลักการแล้ว จะต้องดูว่าผู้ต้องหามีการยื่นขอประกันตัวชั่วคราวหรือไม่ แล้วจึงพิจารณา
สำคัญคือคำให้การของผู้ต้องหาว่าจะสามารถหักล้างในข้อกล่าวหาได้หรือไม่ ถ้าให้การแล้วมันหักล้างได้ ก็จะเป็นประเด็นเฉพาะของแต่ละราย แต่ถ้าคำให้การมันหักล้างข้อกล่าวหาไม่ได้ ก็ต้องสั่งฟ้อง ซึ่งเราเพิ่งเริ่มกระบวนการสอบสวนปากคำ โดยนายโสภณ ถือว่ามีเครดิตดีที่สุดใน 3 กรรมการคนไทย สำหรับเรื่องความสัมพันธ์ใกล้ชิด การรู้จักกันของ 3 กรรมการชาวไทยนั้น พ.ต.ต.วรณัน ระบุว่า มีบางคนรู้จักกันมาก่อน ซึ่งก็คือนายประจวบ และนายโสภณ ส่วนพฤติกรรมที่ทำให้ทั้งคู่รู้จักกันยังไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก อยู่ระหว่างสอบปากคำ
ส่วนกรณีเรื่องเงินหมุนเวียนของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์10 (ประเทศไทย) จำกัด ที่พบเงินจำนวน 2,800 ล้านบาทนั้น พ.ต.ต.วรณัน ระบุว่า เงินจำนวนดังกล่าวมาจากงบดุลที่ตรวจสอบระหว่างปี 61-68 โดยทางไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์10 (ประเทศไทย) จำกัด ได้กู้ยืมระยะยาวมาจากบริษัทในเครือรัฐวิสาหกิจของประเทศจีน ผ่านธนาคารของต่างประเทศ โดยโอนเงินตรงเข้ามายังบริษัทไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์10 (ประเทศไทย) จำกัดเลย ซึ่งเงินก้อนนี้นำมาใช้ลงทุนและดำเนินกิจการในไทย
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนหุ้นชาวจีน 49% ในบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด จากเงินเริ่มต้น 22 ล้านบาท แล้วเพิ่มเป็น 47 ล้านนั้น จะต้องไปทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินว่า เป็นเงินที่มาจากผู้ถือหุ้นใน บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 เอ็นจิเนียริ่ง กรุ๊ป คัมปะนีลิมิเต็ด จำกัด หรือไม่ หรือมีที่มาที่ไปของเงินจากที่ใด
ส่วน 3 นอมินีคนไทยที่ถือหุ้นในบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์10 (ประเทศไทย) จำกัด 51% แล้วมีการชำระค่าหุ้น 25% รวมกว่า 20 ล้านบาทนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างไล่ตรวจสอบเส้นทางการเงินเช่นกัน.-119 -สำนักข่าวไทย