ถอดบทเรียนคดี “เดปป์” สะท้อนความรุนแรงในครอบครัว

อสมท 2 มิ.ย. – ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ชี้คดีดัง “เดปป์” ชนะคดี ฟ้อง “แอมเบอร์ เฮิร์ด” หมิ่นประมาท สะท้อนความรุนแรงในครอบครัว สังคมตะวันตก ที่พบผู้หญิงเป็นฝ่ายกระทำมากขึ้น แต่ในสังคมไทยยังพบน้อยมาก เพราะยังติดอยู่ในวิถีสังคมชายเป็นใหญ่ พร้อมเสนอ 4 ทางออก ยุติความรุนแรงในครอบครัว


กรณี จอห์นนี เดปป์ นักแสดงรุ่นใหญ่ ฟ้องเรียกค่าเสียหายจาก แอมเบอร์ เฮิร์ด อดีตภรรยาในข้อหาหมิ่นประมาท เมื่อปี 2562 จากกรณีที่เธอเผยแพร่บทความผ่านวอชิงตันโพสต์ ระบุว่าเธอเป็นตัวแทนสังคมในเรื่องการถูกใช้ความรุนแรงในครอบครัวเมื่อปี 2561 สื่อถึงเดปป์อย่างชัดเจน ซึ่งล่าสุดคณะลูกขุนศาลเมืองแฟร์แฟกซ์ รัฐเวอร์จิเนีย ได้มีคำตัดสินให้เดปป์ชนะคดี โดยระบุว่า เฮิร์ด ทำให้ เดปป์ เสียชื่อเสียง และให้จ่ายค่าเสียหายทั้งสิ้น 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 500 ล้านบาท

จากคดีนี้ที่เป็นข่าวดังไปทั่วโลก ในมุมของ นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล มองว่า ความรุนแรงในครอบครัว ที่เกิดจากผู้หญิงเป็นฝ่ายกระทำสามี ปัจจุบันเริ่มมีให้เห็นมากขึ้นในสังคมตะวันตก เพราะให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศ ผู้หญิงสามารถกำหนดชีวิตของตัวเองได้ ไม่ได้คิดว่าผู้ชายมีอำนาจเหนือกว่า ฉะนั้นการใช้ชีวิต การดูแลครอบครัว เลี้ยงลูก หรือแม้กระทั่งการทำงานบ้าน ล้วนเป็นเรื่องที่ทั้งสามีและภรรยาต้องช่วยกัน แต่ในสังคมไทย ส่วนใหญ่ยังอยู่ในวิถีของสังคมชายเป็นใหญ่ การดูแลครอบครัว เลี้ยงลูก และทำงานบ้าน ยังคงเป็นหน้าที่ของผู้หญิง จึงยังไม่ค่อยพบตัวเลขของผู้หญิงเป็นฝ่ายกระทำความรุนแรงกับสามี


ทั้งนี้จากข้อมูลของมูลนิธิฯ พบว่าสาเหตุความรุนแรงในครอบครัว หลักๆ มาจาก 4 เรื่อง คือ ความหึงหวง ไม่รับผิดชอบต่อครอบครัว การดื่มเหล้า เล่นการพนัน และพบด้วยว่า โควิด และปัญหาเศรษฐกิจ ก็ส่งผลให้เกิดความรุนแรงในครอบครัวเพิ่มขึ้น

ปัญหาความรุนแรงในครอบครัวในช่วงโควิด-19 ที่ทางมูลนิธิ เพิ่งสำรวจเมื่อปลายปี 64 พบว่า มีการใช้ความรุนแรงเพิ่มขึ้นกว่าสถานการณ์ปกติถึงร้อยละ 41.5 ส่วนใหญ่ใช้ความรุนแรงทางวาจา (การพูดส่อเสียด ดูถูก ด่าทอ) ร้อยละ 53.1 รองลงมา คือ ห่างเหิน มึนตึง ไม่รับผิดชอบต่อครอบครัว ร้อยละ 35.0 ทำให้รู้สึกอับอาย ประจานกันผ่านสังคมออนไลน์ ร้อยละ 22.6 ทำร้ายร่ายกาย ร้อยละ 20.2 นอกใจ คบชู้ ร้อยละ 18.9 และยังพบว่าผู้กระทำ ทำขณะเมาเหล้าหรือขณะแฮงค์ ร้อยละ 31.4

สำหรับกลไกที่จะช่วยแก้ปัญหา หรือยุติความรุนแรงในครอบครัวได้ นายจะเด็จ บอกว่า ต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพราะปัจจุบันตำรวจมักไม่ค่อยรับแจ้งความ เพราะยังมองว่าเป็นเรื่องของสามีภรรยา ผู้หญิงจึงต้องจำยอมและอดทน ต้องมีระบบเฝ้าระวังในชุมชน โดยมีอาสาสมัครในชุมชน คอยช่วยดูแล รับแจ้ง และให้การช่วยเหลือได้ทันที หากมีความรุนแรงในครอบครัวเกิดขึ้น ควรมีการบ่มเพาะแบบใหม่ปรับเปลี่ยนบทบาทของฝ่ายชาย ที่จะต้องช่วยแบ่งเบาภาระฝ่ายหญิง ช่วยกันดูแลครอบครัว เลี้ยงลูก หรือทำงานบ้าน เนื่องจากฝ่ายหญิงก็เหนื่อยและต้องออกไปทำงานนอกบ้านเช่นกัน และยังเสนอให้มีหลักสูตรการสอนที่ปรับเปลี่ยนทัศนคติเรื่องเพศวิถีอย่างถูกต้องตั้งแต่วัยเด็ก ทั้งนี้ยังย้ำอีกว่า ไม่ว่าฝ่ายใด หรือเพศไหน เป็นฝ่ายกระทำความรุนแรง ก็ต้องได้รับโทษเหมือนกัน เพราะกฎหมายให้ความคุ้มครองทั้งหญิงและชาย .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นหาร่างใต้ตึกถล่ม

คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ ทราบชัดมีผู้ติดค้างในซากอาคาร สตง.หรือไม่

คาดไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะทราบชัดมีผู้ติดค้างในซากอาคาร สตง. หรือไม่ ปัจจุบันการทำงานบริเวณทางเชื่อมด้านอาคารจอดรถด้านหลังยังลงไปไม่ถึงพื้นของชั้นใต้ดิน

ผบ.ตร. สั่งเร่งตรวจสอบ ตร.พาผู้ต้องหาลอบนำข้อสอบฯ ออกจากโรงพัก

ผบ.ตร. สั่งเร่งตรวจสอบกรณีมีตำรวจพาผู้ต้องหาลักลอบนำข้อสอบฯ ออกจากโรงพัก ทั้งที่การสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ย้ำใครผิดว่าไปตามผิด

รวบมือปาหิน

รวบแล้วมือปาหินใส่รถ ย่านบางนา-ตราด อ้างขาดสติเพราะดื่มเหล้า

รวบแล้วมือปาหินใส่รถประชาชน ย่านบางนา-ตราด อ้างขาดสติเพราะดื่มเหล้า พบประวัติเคยถูกจับมาแล้ว 12 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 13

แจ้งความผู้ว่าสตง.

2 พิธีกรดังเข้าแจ้งความกล่าวโทษผู้ว่าฯ สตง. เหตุตึก สตง.ถล่ม

สองพิธีกรชื่อดัง เข้าแจ้งความกล่าวโทษ ผู้ว่าฯ สตง. และอดีตผู้ว่าฯ สตง. เหตุตึก สตง.แห่งใหม่ถล่ม แต่ไม่มีใครรับผิดชอบ มองอาจไม่ชอบมาพากล หวั่นเวลาผ่านไปเอาผิดใครไม่ได้

ข่าวแนะนำ

หนีแตนตกเหว

หนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก หนีฝูงแตนตกเหวตาย

หนุ่มขี่มอเตอร์ไซค์วิบาก หนีฝูงแตนไล่ต่อย พลัดหลงกับก๊วน หายไปตั้งแต่ 1 พ.ค. เพื่อนช่วยกันออกตามหา แต่ไร้วี่แวว ล่าสุดพบร่างตกเหว เขาห้วยผีหลอก

Trump uses AI generated himself as Pope

วิจารณ์ยับ “ทรัมป์” โพสต์ภาพเอไอเป็นโป๊ป

เวสต์ปาล์มบีช 4 พ.ค.- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ โพสต์ภาพที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ (AI) เป็นภาพเขาเป็นสมเด็จพระสันตะปาปาหรือโป๊ป จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกอินเทอร์เน็ต นายทรัมป์ วัย 78 ปี ไม่ใช่คริสตชนคาทอลิกและไม่ได้เข้าโบสถ์อย่างสม่ำเสมอ เขาโพสต์ภาพดังกล่าวลงในบัญชีทรูธโซเชียล ซึ่งเป็นสื่อสังคมออนไลน์ของเขาเมื่อค่ำวันที่ 2 พฤษภาคมตามเวลาท้องถิ่น จากนั้นได้โพสต์ซ้ำหรือรีโพสต์ในบัญชีเอ็กซ์ หลังจากที่เขาได้ไปร่วมพิธีปลงพระศพโป๊ปฟรังซิสที่สำนักวาติกันได้ไม่ถึง 1 สัปดาห์ เมื่อวันที่ 26 เมษายน ขณะที่ทำเนียบขาวก็รีโพสต์ภาพดังกล่าวในบัญชีเอ็กซ์เช่นกัน ภาพที่สร้างขึ้นจากเอไอเป็นภาพทรัมป์หน้านิ่ง สวมชุดโป๊ปสีขาว นั่งบนเก้าอี้ และชูนิ้วชี้ข้างขวา โฆษกสำนักวาติกันไม่แสดงความเห็นใด ๆ ขณะที่คนในโลกอินเทอร์เน็ตพากันวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก รวมถึงกลุ่มสมาชิกพรรครีพับลิกันต่อต้านทรัมป์ที่ระบุว่า เป็นการดูหมิ่นชาวคาทอลิกอย่างร้ายแรง และล้อเลียนความศรัทธาของพวกเขา ขณะที่นายมัตเตโอ เรนซี อดีตนายกรัฐมนตรีอิตาลีโพสต์เอ็กซ์ว่า เป็นภาพที่ดูหมิ่นผู้ศรัทธาและสถาบัน และเป็นการแสดงให้เห็นว่าผู้นำโลกผู้นี้สนุกกับการเป็นตัวตลก ในขณะที่เศรษฐกิจอเมริกันเสี่ยงถดถอยและดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคารผู้นำสหรัฐเพิ่งกล่าวติดตลกว่า ต้องการเป็นตัวเลือกลำดับแรกในการเลือกโป๊ปองค์ใหม่ ก่อนกล่าวว่า พระคาร์ดินัลทิโมธี โดแลน อาร์ชบิชอป หรืออัครมุขนายกแห่งนิวยอร์ เป็นตัวเลือกที่ดีมากรูปหนึ่ง รอยเตอร์รายงานเพิ่มเติมว่า พระคาร์ดินัลโดแลนไม่ได้อยู่ในรายชื่อผู้มีโอกาสได้รับเลือก แต่พระคาร์ดินัลโจเซฟ โทบิน อาร์ชบิชอปแห่งนวร์ก […]