ทำเนียบฯ 10 พ.ค.- ครม.เปิดทางให้นำเงินกองทุนชราภาพ ออกมาใช้จ่าย หรือใช้เป็นหลักค้ำประกันการกู้เงินธนาคาร ลดผลกระทบโควิด-19
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติ ร่าง พ.ร.บ. ประกันสังคม เพื่อแก้ไขสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคม กรณีชราภาพ หวังเปิดทางให้ผู้ประกันตน สามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนออกมาใช้ก่อน (ขอเลือก ขอคืน และขอกู้) รวมทั้งการเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณี อื่น เช่น เพิ่มเงินทดแทนกรณีขาดรายได้กรณีทุพพลภาพ จากร้อยละ 50 ของค่าจ้าง เป็นร้อยละ 70 ของค่าจ้าง เพิ่มจ่ายเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรจากเดิม 90 วันเป็น 98 วัน รวมทั้งแก้ไขขยายอายุขั้นสูงของผู้ประกันตนที่เป็นลูกจ้างจากเดิม “อายุ 60 ปีบริบูรณ์ ” เป็น “อายุ 65 ปีบริบูรณ์”
โดยการปรับปรุงแก้ไขสิทธิประโยชน์กองทุนประกันสังคม กรณีให้ผู้ประกันตนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ สามารถเลือกรับเงินบำนาญชราภาพหรือเงินบำเหน็จชราภาพ (ขอเลือก) กรณีให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนมาใช้ก่อนมีอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ (ขอคืน) ส่วนกรณีให้ผู้ประกันตนสามารถนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนไปเป็นหลักค้ำประกันการกู้เงินกับธนาคารหรือสถาบันการเงินได้ (ขอกู้)
ส่วนการเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีอื่น กรณีทุพพลภาพเพิ่มเงินทดแทนการขาดรายได้กรณีทุพพลภาพจากร้อยละ 50 ของค่าจ้าง เป็นร้อยละ 70 ของค่าจ้าง หากคลอดบุตร เพิ่มระยะเวลา จ่ายเงินสงเคราะห์การหยุดงานเพื่อการคลอดบุตรโดยเหมาจ่าย ครั้งละร้อยละ 50 ของค่าจ้างจากเดิม 90 วัน เพิ่มเป็น 98 วันหรือระยะเวลาตามที่กำหนดในกฎกระทรวง กรณีสงเคราะห์บุตรโดยให้ผู้ประกันตนที่สิ้นสภาพการเป็นลูกจ้าง และภายหลังการสิ้นสภาพเป็นผู้ประกันตน ได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีสงเคราะห์บุตรต่อไปอีก 6 เดือน
โดยผู้ประกันตน เป็นผู้สูงอายุ จะได้รับความคุ้มครองภายใต้ระบบสามารถ เลือกเข้าถึงแหล่งเงินฉุกเฉินได้เพิ่มเติม โดยใช้เงินกรณีชราภาพที่ตนจะได้รับในอนาคตเป็นเงินทุน แต่จะทำให้ผู้ประกันตนมีหลักประกันรายได้ยามเกษียณลดลง แต่หากผู้ประกันตนนำเงินกรณีชราภาพบางส่วนเอามาใช้ก่อนผ่านการ ขอเลือก ขอคืน และขอกู้ อาจทำให้กองทุนประกันสังคมมีความมั่นคงทางเสถียรภาพของกองทุนประกันสังคมลดลง แต่จะช่วยให้กองทุนมีค่าใช้จ่ายลดลงในระยะยาว.-สำนักข่าวไทย