กทม. 30 เม.ย.-รองโฆษกสำนักพุทธ เผยนำกรณีหลวงพี่กาโตะ เข้าหารือมหาเถรสมาคม มีมติแจ้งเจ้าคณะปกครองสงฆ์ทุกระดับกวดขันวินัยสงฆ์เคร่งครัด ยืนยันสอบต้นตอคลิปเสียงให้ได้ข้อยุติ หากพบผิดจริงถึงขั้นอาบัติปาราชิก ต้องลาสิกขา ส่วนกรณีหลวงพี่โจล่องเรือ เป็นอาบัติเล็กน้อย แจ้งตักเตือนแล้ว
นายสมบัติ พิมพ์สอน รองโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีคลิปเสียงที่ถูกระบุว่าคล้ายกับพระพงศกร จันทร์แก้ว หรือพระกาโตะ พระนักเทศน์ชื่อดังที่ จ.นครศรีธรรมราช ถูกกล่าวหาว่ามีความสัมพันธ์กับสีการายหนึ่ง และต่อมาหญิงคนดังกล่าวออกมายอมรับว่าเป็นคนสร้างเรื่องขึ้นมาเนื่องจากป่วยเป็นไบโพลาร์
รองโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ช่วงนี้เกิดกรณีที่พระภิกษุตกเป็นข่าวประพฤติตัวไม่เหมาะสมมากขึ้น โดยกรณีหลวงพี่กาโตะ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีการนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมมหาเถรสมาคมเพื่อรับทราบเมื่อวานนี้ (29 เม.ย.65) ทำให้มหาเถรสมาคมมีมติแจ้งเจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ กวดขันอย่างเข้มงวดให้พระภิกษุ สามเณรในปกครองประพฤติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด และได้มอบหมายให้ คณะทำงานฝ่ายปกครองของมหาเถรสมาคมไปกำหนดมาตรการเพิ่มเติมอีกชั้นหนึ่ง
นายสมบัติ กล่าวว่า กรณีหลวงพี่กาโตะ แม้ฝ่ายหญิงจะออกมายอมรับว่ากุเรื่องขึ้นมา แต่มีการตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัดขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะกรณีเรื่องคลิปเสียงที่มีการปล่อยออกมา จะต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานภายนอกมาตรวจสอบร่วมกับพระสังฆาธิการ พระวินยาธิการ และสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ซึ่งจะต้องสอบให้ข้อเท็จจริงปรากฏ ไม่ได้ยุติเพียงเท่านี้ หากพบว่ามีความผิดตามกฎมหาเถรสมาคมจะต้องมีการลงนิคหกรรม (การลงโทษภิกษุตามพระธรรมวินัยเพื่อให้เข็ดหลาบ) ถ้ามีการพิสูจน์ได้ว่าอาบัติชั้นไหน ก็ต้องลงโทษชั้นนั้น เช่น อาบัติปาราชิก ก็ต้องให้ลาสิกขา และต้องดูว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฏผิดกฎหมายด้วยหรือไม่
ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่าเหตุการครั้งนี้ เกี่ยวข้องกับการขัดแย้งผลประโยชน์ภายในวัดหรือไม่ รองโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ระบุว่า คณะกรรมการที่เจ้าคณะจังหวัดแต่งตั้งขึ้น จะต้องไปตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากเรื่องภายในวัด เรื่องของพระสงฆ์ โดยนโยบายของมหาเถรสมาคม จะให้คณะสงฆ์แก้ไขปัญหาในวัด ในจังหวัดนั้นๆ จึงให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ไปดำเนินการให้ยุติ หากในพื้นที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ก็จะมีการส่งเรื่องไปตามลำดับชั้นขึ้นไป ตั้งแต่ เจ้าอาวาส เจ้าคณะตำบล เจ้าคณะอำเภอ เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะภาค และเข้ามาถึงส่วนกลางเจ้าคณะใหญ่ แต่คงไม่ถึงขั้นนั้น คาดว่าจะได้ข้อยุติให้เร็วที่สุด เพื่อตอบปัญหาข้อคาใจของสังคม
ส่วนกรณี พระมหาศรนรินทร์ ธมฺมนรินฺโท หรือหลวงพี่โจ พระผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไร่พรุ ได้โพสต์คลิปลง TikTok ขณะล่องเรือท่องเที่ยวทะเล ใน จ.ตรัง พร้อมพระสงฆ์อีกหลายรูปและฆราวาส รองโฆษกสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กล่าวว่า กรณีนี้พระรูปดังกล่าว มีการออกมายอมรับผิด และรับว่าไปล่องเรือจริง แต่ไปเป็นครั้งแรก โดยปกติหลังมีการจัดอบรมเสร็จก็จะไปฉันเพลแถวนั้น ปีนี้มีญาติโยมไปด้วย ทางสำนักงานพระพุทธสาสนา จึงได้ประสานเจ้าคณะปกครองสงฆ์ ให้ไปกำชับว่าการกระทำดังกล่าวเป็นโลกวัชชะ ทำให้สังคมทางโลกติเตียน ไม่ใช่กิจของสงฆ์ ไม่เหมาะสมกับสมณสารูป และได้รับปากว่าจะไม่ทำอีก ซึ่งกรณีนี้ถือเป็นอาบัติเล็กน้อย ไม่ถึงขั้นต้องตั้งคณะกรรมการเข้ามาสอบข้อเท็จจริง
ที่ผ่านมามหาเถรสมาคมเคยมีมติเตือนพระภิกษุในการใช้สื่อโซเชียลให้เหมาะสม เช่น การเผยแผ่ธรรมะให้ประชาชน เป็นการใช้งานเชิงบวก ให้ระวังการโพสต์ภาพที่ไม่เหมาะสม ซึ่งมหาเถรสมาคมได้มีมติออกไปกำชับให้เจ้าคณะผู้ปกครอง เจ้าอาวาสคอยดูแลอย่างใกล้ชิด แต่ก็เป็นธรรมดาที่บางครั้งอาจมีหลุดไปบ้าง เป็นธรรมดาของคน พระก็คือคนทั่วไปที่มาบวช แต่ไม่ถึงขั้นห้ามพระใช้สื่อโซเชียล.-สำนักข่าวไทย