กรุงเทพฯ 22 พ.ย.- “รศ.นพ.นิธิพัฒน์” คณะแพทยศาสตร์ศิริราช ชมกลยุทธ์วัคซีนสูตรไขว้ เป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้เกิดการกระตุ้นภูมิได้อย่างน้อยเท่ากับหรือดีกว่าการฉีดตามสูตรปกติ ที่สำคัญทำให้การบริหารจัดการวัคซีนเพียงพอ
รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊ก ว่า
“นับว่ากลยุทธ์วัคซีนสูตรไขว้ของบ้านเรา ทั้งใน 2 เข็มแรก และเข็ม 3 เพื่อกระตุ้น เป็นแนวทางที่มีประสิทธิภาพและมีประสิทธิผลดี ช่วยให้เกิดการกระตุ้นภูมิได้อย่างน้อยเท่ากับหรือดีกว่าการฉีดตามสูตรปกติ ที่สำคัญทำให้การบริหารจัดการวัคซีนให้เพียงพอใช้งานในแต่ละช่วงเวลาทำได้สะดวกมากขึ้น
ถึงบัดนี้น่าจะช่วยลบคำปรามาสของทั้งฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเชิงวิชาการ และฝ่ายที่หยิบยกประเด็นไปใช้โจมตีทางการเมือง แนวคิด “Mix & Match” นี้ได้รับการพิสูจน์ทราบและยอมรับกันแพร่หลายมากขึ้นในนานาประเทศ แม้จะยังไม่ทราบกลไกที่แน่นอน https://onlinelibrary.wiley.com/doi/epdf/10.1002/jmv.27463
ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขได้ออกคำแนะนำสูตรเข็มสามเพิ่มเติม คือ ใครที่ฉีดวัคซีนของแอสตราไปแล้วครบ 2 เข็ม เข็มที่ 3 สามารถเลือกฉีดกระตุ้นได้ทั้งวัคซีนของไฟเซอร์หรือวัคซีนของโมเดอร์นา โดยควรให้ห่างจากเข็ม 2 ซัก 6 เดือนจะดี เพราะเป็นช่วงที่จะทำให้ภูมิขึ้นได้สูงและอยู่นาน หวังว่าคงช่วยตอบคำถามของหลายคนที่จองซื้อวัคซีนกันไว้ จะได้นำคำแนะนำนี้ไปปรับใช้เพื่อบริหารจัดการกันให้เหมาะสม ถ้าเวลาระยะห่างจากเข็ม 2 ที่ฉีดไปยังไม่ถึง 6 เดือน ก็จะได้โอนสิทธิ์ไปให้คนอื่นเสียก่อน แล้วค่อยรอเข็ม 3 วัคซีนชนิด mRNA ที่รัฐบาลน่าจะจัดหามาให้ได้เพียงพอ
สำหรับในเด็ก 5-11 และ 12-17 ปี ปัจจุบันอเมริกายังรับรองเฉพาะวัคซีนของไฟเซอร์ แต่ได้ข่าวว่าของโมเดอร์นาเขาก็ได้ผลดีเช่นกัน สำหรับในบ้านเราวัคซีนโควิดในเด็กเล็กคงมีเวลาให้รอกันไปได้ระยะหนึ่ง เพื่อให้สะสางเรื่องวัคซีนเข็ม 3สำหรับกลุ่มเปราะบาง และเข็ม 2 สำหรับเด็กโตให้เรียบร้อยก่อน ว่าแต่ใครที่ยังไม่ได้ฉีดซักเข็มเดียวขอให้รีบเปลี่ยนใจแล้วไปเริ่มรับการฉีดเถอะ ส่วนใครที่ได้ฉีดไปบ้างแล้ว 1-2 เข็มแต่ยังไม่ครบตามคำแนะนำ ให้รีบติดต่อใช้สิทธิ์จากหน่วยงานรับผิดชอบในพื้นที่ เพื่อเป้าหมายการฉีดวัคซีนของประเทศให้ได้มากที่สุด จะเกิน 100 ล้านโดสได้ก็ยิ่งดี” .-สำนักข่าวไทย