ภูเก็ต 13 ส.ค.-ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ตมองภาพรวมของ Phuket Sandbox ว่าเป็นไปตามเป้าหมาย ผู้ประกอบการพึงพอใจ มีเม็ดเงินหมุนเวียนแล้วกว่า 1 พันล้านบาท ส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจ และมีการแจ้งแรงงานเพิ่มมากขึ้น แต่ต้องการให้รัฐบาลเร่งฉีดวัคซีนให้มากยิ่งขึ้น
นายธนูศักดิ์ พึ่งเดช ประธานหอการค้าจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า คนภูเก็ตเตรียมการเรื่อง Phuket Sandbox มานานพอสมควรก่อนที่จะเปิดตัว ทั้งเรื่องการฉีดวัคซีน ไปจนถึงมาตรการป้องกันต่าง ๆ และเมื่อมีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้น ก็ยกระดับมาตรการรองรับได้อย่างทันท่วงที แม้ว่าจะมีผู้ติดเชื้ออยู่บ้าง แต่ก็เป็นจำนวนน้อยและสามารถควบคุมได้ ที่สำคัญคือมีนักท่องเที่ยวต่างชาติติดเชื้อเพียง 50 คนจากจำนวน 19,000 คนที่เข้ามาใน Phuket Sandbox ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคมจนถึงปัจจุบัน
“ในส่วนภาพรวมการผู้ติดเชื้อในปัจจุบันของภูเก็ต ส่วนหนึ่งมาจากกลุ่มแรงงานต่างด้าว บางคนลักลอบเข้ามาทางเรือ พร้อมนำเชื้อเข้ามาด้วย แต่ก็พยายามบริหารจัดการให้ได้ดีที่สุด โดยทางจังหวัดได้ปรับเรือนจำเก่าแยกให้เป็นโรงพยาบาลสนามสำหรับแรงงานต่างด้าวโดยเฉพาะ ประมาณ 500 เตียง ซึ่งจะช่วยจำกัดการแพร่ระบาดได้อีกทางหนึ่ง” นายธนูศักดิ์ กล่าว
สำหรับความคืบหน้าของ Phuket Sandbox ในขณะนี้ ตัวเลขการจองห้องพักยังดีอยู่ ประมาณ 7,000-8,000 Room night ต่อวัน มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสมประมาณ 19,000 คน กลับไปแล้ว 4 พันกว่าคน และยังคงอยู่ในประเทศไทยอีกกว่า 15,000 คน ทั้งยังอยู่ในภูเก็ตและเดินทางต่อไปยังสถานที่อื่น ๆ อันหมายถึงเม็ดเงินที่ยังหมุนเวียนอยู่ภายในประเทศไทย ทั้งนี้ นอกเหนือจากการท่องเที่ยวแล้ว ภาครัฐและเอกชนกำลังหารือกันในการจัดกิจกรรมอื่น ๆ เพิ่มเติม เช่น การแข่งขันกีฬา การจัดประชุมสัมมนา และอาจจะมี Big Event ประมาณปลายปี แต่การจัดกิจกรรมเหล่านี้ได้ จะต้องมีมาตรการคัดกรองที่ดี และทุกคนต้องช่วยกันจึงจะประสบความสำเร็จ
“สิ่งที่ต้องช่วยกันผลักดันในขณะนี้ คือการรับรองวัคซีนสปุตนิกจาก WHO หรือ อย. เพราะเป็นวัคซีนที่นักท่องเที่ยวจากรัสเซียและกลุ่มประเทศ CIS ได้รับ และนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มีความต้องการเดินทางมายังประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญเพิ่มเติมให้กับประเทศไทย โดยขณะนี้มีเที่ยวบินจากมอสโกไปยังอียิปต์ถึงวันละ 40 เที่ยวบิน หากเราได้นักเที่ยวกลุ่มนี้เพิ่มเติม ก็จะช่วยให้ภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังได้มีการพูดคุยกับกงสุลรัสเซียว่าต้องการบริจาควัคซีนให้กับประเทศไทยเบื้องต้นประมาณ 1 แสนโดส เพื่อเป็นวัคซีนเข็มที่ 3 ให้กับภูเก็ต ซึ่งจะยิ่งเพิ่มความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวในการเดินทางเข้าสู่ Phuket Sandbox มากยิ่งขึ้น” นายธนูศักดิ์ กล่าว
นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ รองประธานกรรมการหอการค้าไทย และประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ กล่าวว่า หลายประเทศกำลังจับตามองผลลัพธ์ของ Phuket Sandbox ว่าจะสำเร็จมากน้อยเพียงใด สำหรับหอการค้าฯ มองภาพรวมของ Phuket Sandbox ว่าเป็นไปตามเป้าหมาย ผู้ประกอบการพึงพอใจ มีเม็ดเงินหมุนเวียนแล้วกว่า 1 พันล้านบาท ส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจ และมีการแจ้งแรงงานเพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่ยังมีอยู่ในขณะนี้ ส่วนใหญ่เกิดจากกลุ่มผู้ใช้แรงงาน รวมไปถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ เช่น ในเรื่องวัฒนธรรมการกินอาหารของบ้านเราที่มักกินรวมกัน ดังนั้น การไม่มีผู้ติดเชื้อเลยอาจเป็นเรื่องยาก เพราะการระมัดระวังของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันและป้องกันตัวเองให้ดีที่สุด นอกจากนั้น ระบบสาธารณสุขจะต้องสามารถควบคุมการแพร่ระบาดให้อยู่ในวงจำกัดได้ ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามานั้นถือว่าน่าพอใจ ไม่ต้องตั้งเป้าให้สูงมากจนเกินไป ค่อย ๆ ขยับตัวเลขขึ้น ดีกว่าการปล่อยเข้ามาจำนวนมากแล้วควบคุมไม่ได้
สำหรับการขยายผลในโครงการสมุยพลัส (เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า) ซึ่งรับนักท่องเที่ยวต่อจากภูเก็ต ถือว่าเป็นไปได้ด้วยดี โดยเกาะสมุยมีผู้ได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้วประมาณ 97% พะงัน 123% เกาะเต่า 128% หมายความว่ามีผู้ได้รับวัคซีนที่อยู่นอกเหนือจากทะเบียนบ้านได้รับวัคซีนด้วย สิ่งนี้จะเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีให้กับการดำเนินธุรกิจ นอกจากนั้น ภาครัฐและเอกชนกำลังร่วมกันดำเนินการและทบทวนมาตรการต่าง ๆ เพิ่มเตรียมขยายผลไปยังพังงาและกระบี่ เพื่อเพิ่มเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวทั้งประเทศอาจต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากการกระจายวัคซีนในขณะนี้ยังไม่เร็วพอ คาดว่าอาจจะประมาณปลายปี 2565 ถึงต้นปี 2566 การท่องเที่ยวของประเทศจึงจะกลับมาได้ได้เป็นปกติ
“กว่า 1 ปีครึ่งที่สถานการณ์โควิดพรากเอาเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวที่เคยเป็นรายได้หลักของประเทศออกไปจนหมด วันนี้ “Phuket Sandbox” จึงเป็นความหวังของ “ภาคการท่องเที่ยว” ที่มีทั้งธุรกิจและคนเกี่ยวเนื่องมากมาย เป็นประตูของประเทศไทยที่จะสร้างความเชื่อมั่นและเกิดเป็นรายได้เข้าสู่ประเทศ หากความหวังเล็ก ๆ นี้ประสบผลสำเร็จ ก็จะเป็นต้นแบบให้กับการท่องเที่ยวในส่วนอื่นของประเทศได้ต่อไป ซึ่งแน่นอนว่า หนทางแห่งความสำเร็จนั้นไม่ได้มาโดยง่ายดาย และต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ แต่เชื่อว่าระยะเวลาดังกล่าวนี้คุ้มค่าต่อการรอคอยแน่นอน”นายวัฒนากล่าว.-สำนักข่าวไทย