สำนักข่าวไทย 15 ก.ค.-นักวิชาการย้ำในเวทีเสวนาสื่อกรมควบคุมโรค คนแก่และคนป่วย 7 กลุ่มโรค คือกลุ่มเสี่ยง อยากให้รีบรับวัคซีน ช่วยลดความรุนแรงและเสียชีวิต แจงผลการสอบสวนผู้เสียชีวิตหลังรับวัคซีน 153 ราย ไม่พบเกี่ยวข้องกับวัคซีน มีเพียง 8 ราย ที่ไม่อาจระบุชัดเจนแต่ก็มีโรคประจำตัวเรื้อรัง
ศ.นพ. ธีระพงษ์ ตัณฑวิเชียร คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การระบาดของโควิด-19 นี้ รุนแรงกว่าการระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปนเมื่อ 100 ปีก่อน คาดว่าการจะหยุดการระบาดของโควิดได้ต้องใช้เวลาประมาณ 3 ปี โดยการหยุดโควิดได้ต้องอาศัยเรื่องของวัคซีนเป็นหลัก เพราะวัคซีนสามารถลดตาย ลดนอน รพ. ลดการเจ็บปาวยหนัก และลดการติดเชื้อให้มีการอาการน้อย หรือเกิดการแพร่เชื้อน้อยลง ซึ่งจะเห็นว่าในประเทศที่มีการฉีดวัคซีนจำนวนมาก อย่างอังกฤษพบว่าอัตราการเสียชีวิตลดลงอย่างชัดเจน ซึ่งต้องมีการลำดับความสำคัญการรับวัคซีนให้ดี โดยผู้ที่ต้องได้รับวัคซีนก่อนเพื่อลดอัตราการตายและเสียชีวิต คือในกลุ่มผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรค และหญิงตั้งครรภ์ ย้ำปัจจุบันยังไม่มีข้อห้ามในการรับวัคซีนในผู้ป่วยทุกกลุ่ม เพราะวัคซีนออกแบบมาเพื่อให้ปลอดภัย อาการที่เกิดขึ้นจากการรับวัคซีนเป็นส่วนน้อยและไม่นานก็หายได้ ทุกคนควรรับวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นคนป่วยโรคใดก็ตาม หรือแม้แต่ผู้ป่วยที่มีระดับภูมิคุ้มกันบกพร่อง ที่อาจจะทำให้ประสิทธิภาพของวัคซีนลดลง ก็ควรรับ
ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวย้ำสถานการณ์การรับวัคซีนโควิด-19 ว่า แม้เชื้อไวรัสสายพันธุ์เดลตาจะระบาดรุนแรง พบเด็กติดเชื้อมากขึ้น แต่ก็พบว่าอัตราการติดเชื้อในเด็กที่จะพัฒนารุนแรงน้อยกว่า ผู้สูงอายุ และผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรัง ดังนั้นการรับวัคซีนในเด็กตอนนี้ยังไม่จำเป็นเท่ากับผู้สูงอายุ และผู้ป่วยโรคเรื้อที่มีโอกาสพัฒนาทำให้เกิดความรุนแรงจนกระทั่งเสียชีวิตได้ โดยวัคซีนในเด็กที่มีการผลิตขณะนี้มีทั้งของไฟเซอร์ ที่กำหนดใช้ในเด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป และโมเดอร์นา ที่ผลิตใกล้แล้วเสร็จ พร้อมย้ำเชื้อเดลตาพบว่ามีการดื้อต่อวัคซีนสูง ดังนั้นต้องเร่งฉีดวัคซีนในผู้สูงอายุ พร้อมแจงผลการสอบกรณีสงสัยเสียชีวิตภายหลังรับวัคซีนโควิด -19 โดยคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญจากโรงเรียนแพทย์ และพยาธิวิทยา ว่า มีเคสเข้ามามากถึง 153 ราย แต่สรุปได้ว่าการเสียชีวิตที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดจากวัคซีนแม้แต่รายเดียว มีเพียง 8 ราย ที่ไม่สามารถสรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ เนื่องจากมีการเสียชีวิต 3-4 วัน หลังได้รับวัคซีน แบ่งเป็น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด 7 คน และอาการทางเลือดออกในสมอง 1 คน เส้นเลือดอุดตัน เดิมมีโอกาสเสียชีวิตทุกนาทีอยู่แล้ว ส่วนที่เหลืออีก141 ราย เป็นการเสียชีวิตภายใน 30 วัน หลังรับวัคซีน มีทั้งปอดอักเสบ หรือรับวัคซีน 1 เข็ม แล้วติดโควิด รวมถึงการรับประทานเห็ดพิษ และอีก 4 ราย ศพถูกฌาปนกิจไปแล้ว ดังนั้นขอให้ญาติทำความเข้าใจ อย่าเพิ่งเผาศพ เพื่อการตรวจพิสูจน์ที่ชัดเจน .- สำนักข่าวไทย