กรุงเทพฯ 28 มิ.ย.-สมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยฯ ประเมินระยะเวลา 1 เดือน หยุดงานก่อสร้าง ส่งผลกระทบทั้งวงการกว่าพันล้านบาท เสนอรัฐช่วยเหลือขยายสัญญาก่อสร้างและผ่อนผันให้ทำงานประเภทความปลอดภัย
น.ส.ลิซ่า งามตระกูลพานิช นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมก่อสร้างเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ประมาณ 8% ของจีดีพี เป็นอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจแทนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและส่งออก โดยมีการจ้างงานจำนวนมาก มีห่วงโซ่ซัพพลายเชน (Supply chain) หลากหลาย ทั้งผู้รับเหมารายย่อยชนิดต่างๆ วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง เครื่องมือเครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้าง และโลจิสติกส์ที่เกี่ยวกับการก่อสร้าง มองว่าธุรกิจดังกล่าวได้รับผลกระทบอย่างมากในวงกว้างและจะมีการชะลอตัวลง โดยประเมินว่าในระยะเวลา 1 เดือน จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการก่อสร้างกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเฉพาะผู้รับเหมารายเล็กที่อยู่ได้ด้วยค่าแรงรายวัน
พร้อมมองว่าที่ผ่านมาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 1-2 ในแคมป์คนงานไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ลักษณะการทำงานเหมือนโรงงานปิดกั้นสถานที่ ทุกคนพักอาศัยอยู่ในแคมป์คนงาน เมื่อตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สามารถแยกดำเนินการตามมาตรการสาธารณสุขได้อยู่แล้ว ไม่ได้ออกไปปะปนกับประชาชนทั่วไป และมีการปิดสถานที่ก่อสร้างนั้นทันที สำหรับแรงงานต่างด้าวมีการดูแลเหมือนแรงงานไทย ขณะนี้เมื่อทราบมาตรการชัดเจนของภาครัฐ ยังไม่พบว่ามีการร้องขอกลับประเทศแต่อย่างใด
นอกจากนี้ ทางสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยฯ ได้หารือกับนายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เพื่อหามาตรการช่วยเหลือและแนวทางปฏิบัติตามมติ ศบค. สั่งปิดแคมป์คนงานก่อสร้างชั่วคราว 1 เดือน โดยกระทรวงแรงงานจะช่วยเหลือชดเชยเยียวยาแรงงานในประกันสังคม ม.33 ร้อยละ 50 และจะเร่งจัดหาวัคซีนเฉพาะกลุ่มให้ โดยจะมีการประเมินไซต์ก่อสร้างเป็นระยะทุก 15 วัน หากเป็นแคมป์คนงานก่อสร้างสีเขียว ก็อาจได้รับการผ่อนผัน
ทั้งนี้ มีงานบางประเภทที่ไม่สามารถหยุดได้ เนื่องจากมีผลต่อความปลอดภัย เช่น งานเกี่ยวกับระบบความปลอดภัย การขุดเจาะชั้นใต้ดิน งานเจาะท่อ กลุ่มงานในลักษณะดังกล่าว ทางสมาคมฯ ได้ทำเรื่องขอผ่อนผันไปที่ศาลปกครองและสำนักงานเขตกรุงเทพฯ ขอให้ดำเนินงานได้ต่อไป ซึ่งต้องรอผลก่อน
ในส่วนของผู้ประกอบการฯ ร้องขอให้ช่วยดูแลเรื่องบริหารสิทธิสัญญา เช่น การขยายอายุสัญญาก่อสร้าง ค่าเช่าอุปกรณ์ ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยธนาคาร ซึ่งทางสมาคมฯ จะหารือกับภาครัฐต่อไป.-สำนักข่าวไทย