รัฐสภา 22 มิ.ย.- รัฐสภาผ่านร่าง พ.ร.บ.ประชามติ วาระ 2-3 รณรงค์ได้อย่างเสรี ประชาชนเข้าชื่อขอ ครม.ทำประชามติได้ เพิ่มวิธีการออกเสียงทางออนไลน์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมร่วมของรัฐสภาวันนี้ (22 มิ.ย.) มีนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ในวาระที่ 2 รายมาตรา โดยร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ มีทั้งสิ้น 67 มาตรา มีสาระสำคัญ อาทิ การให้อำนาจประชาชนเข้าชื่อ 50,000 รายชื่อ ยื่นเรื่องต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาออกเสียงประชามติในเรื่องต่างๆ ได้ รวมทั้งให้อำนาจ ,ประชาชน พรรคการเมือง และกลุ่มต่างๆ ในสังคมสามารถรณรงค์การออกเสียงประชามติได้อย่างเสรี ,เพิ่มวิธีการออกเสียงประชามติ นอกจากการกาบัตรในคูหาแล้ว ให้สามารถออกเสียงทางไปรษณีย์ หรือการออกเสียงโดยเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ หรือออกเสียงผ่านระบบออนไลน์ได้ในอนาคต ,กรณีออกเสียงประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญให้คณะรัฐมนตรีกำหนดวันออกเสียงภายใน 120วัน ,ห้ามมิให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เป็นเหตุให้การออกเสียงไม่เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ฝ่าฝืน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับถึง 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนด 10 ปี ,ผู้ใดทำลายบัตรออกเสียงหรือจงใจทำ ให้เป็นบัตรเสีย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับ 20,000 บาท หากเจ้าพนักงานทำเองเสีย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับ 200,000 บาท ตัดสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ,ผู้ใดทำลายเครื่องลงคะแนน หรืออุปกรณ์ในการออกเสียง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 หากเจ้าพนักงานทำเองเสีย ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับ 200,000 บาท ตัดสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี ,ผู้ใดกระทำการทุจริต อาทิ ใช้บัตรปลอมลงคะแนน นำบัตรออกจากสถานที่ออกเสียง แจ้งข้อมูลการออกเสียงต่อผู้อื่น หรือออกเสียงแทนผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท ,ผู้ใดก่อความวุ่นวาย หรือกระทำการอันเป็นการรบกวนในการออกเสียง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท ,
ผู้ใดเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ เล่นการพนัน ซื้อหรือขายเสียง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท และตัดสิทธิการเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี ,ห้ามขนคนไปออกเสียงประชามติ หากฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท แต่ไม่ถูกตัดสิทธิเลือกตั้งเหมือนในอดีต ,กรณีกรรมการประจำหน่วยจงใจนับบัตร หรือรวมเอาคะแนนออกเสียงประชามติผิดไปจากความเป็นจริง ต้องระว่างโทษจำคุก 10 ปี ปรับถึง 200,000 บาท ตัดสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี และผู้ใดกระทำความผิดตามพระราชบัญญัตินี้นอกราชอาณาจักรต้องรับโทษในราชอาณาจักรด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมร่วมรัฐสภาใช้เวลาในการอภิปรายประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนจะลงมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติว่าด้วยการออกเสียงประชามติในวาระที่ 3 ด้วยมติเสียงข้างมาก 611 ต่อ 4 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนน 1 เสียง จากนั้นลงมติเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ด้วยคะแนนเสียง เห็นด้วย 503 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 5 เสียง โดยจะจัดส่งให้คณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนั้น พล.อ.ต.เฉลิมชัย เครืองาม ส.ว.ฐานะ กมธ.ได้หารือกับที่ประชุมหลังจากที่รัฐสภาลงมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.ประชามติแล้วว่า ขอให้ประธานวินิจฉัยความต่อการใช้ข้อบังคับการประชุมรัฐสภาที่ยังมีข้อขัดแย้ง คือ ข้อ 108 กำหนดให้ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการปฏิรูปให้ทำเป็น 3 วาระ และให้นำความหมวด4 บังคับใช้โดยอนุโลม และข้อ 102 ที่กำหนดให้ ภายใน 15 วันที่ร่างกฎหมายที่รัฐสภาให้ความเห็นชอบ ให้ประธานรัฐสภาส่งไปยังศาลฏีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ความเห็น หากศาลฎีกา ศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระที่เกี่ยวข้องไม่มีข้อทักท้วงภายใน 10 วันที่ได้รับเรื่อง ให้ดำเนินการตามขั้นตอนทูลเกล้าฯ ต่อไป กรณีที่องค์กรให้ความเห็นว่ามีข้อความใดที่ขัดแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ให้รัฐสภาแก้ไข ตนจึงขอให้วินิจฉัยเพื่อเป็นแนวปฏิบัติเดียวกัน
ทั้งนี้ นายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่การประชุมขณะนั้น กล่าวว่า การหารือดังกล่าวไม่มีผล แต่สามารถทำเป็นญัตติยื่นต่อประธานรัฐสภาว่า ดำเนินการถูกต้องหรือไม่ และขาดขั้นตอนใดหรือไม่ และข้อหารือขอให้หารือนอกรอบ จากนั้นได้พักการประชุม 20 นาที เพื่อให้สมาชิกได้พักรับประทานอาหาร ก่อนจะเริ่มพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ…. ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด และร่าง พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดียาเสพติด (ฉบับที่..)พ.ศ…. ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้วต่อไป.-สำนักข่าวไทย