นายกฯ ขอบคุณทุกภาคส่วนร่วมขยายศักยภาพ “สายด่วนโควิด19”

กทม. 2 พ.ค.-นายกรัฐมนตรี ขอบคุณทุกภาคส่วน ร่วมขยายศักยภาพ “สายด่วนโควิด19” ผู้ป่วยเข้าถึงการรักษาทั่วถึงและรวดเร็ว

นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้หลายหน่วยงานได้ร่วมกันดำเนินการขยายศักยภาพการให้บริกาสายด่วนโควิด-19 ทั้งในเรื่องความเพียงพอของบุคลากรและจำนวนคู่สาย เพื่อให้ผู้ติดเชื้อได้รับการดูแลที่สถานพยาบาลตามระดับอาการอย่างรวดเร็ว ตามข้อสั่งการของพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม การบูรณาการทำงานมีดังนี้


1.กระทรวงสาธารณสุข ในช่วงต้นได้เพิ่มจำนวนคนมาช่วยรับสาย โทร 1668 ซึ่งเป็นจิตอาสาทางการแพทย์และสาธารณสุขกว่า 200 คน และต่อมามีการเพิ่มคู่สาย อีก 40 คู่สายโทร.02-079-1000 เพื่อเสริมศักยภาพในการประสาน รับ-ส่ง ผู้ติดเชื้อไปศูนย์แรกรับอาคารนิมิบุตร
2.กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) คัดนักเรียนแพทย์ที่มีความพร้อมมาช่วยรับโทรศัพท์ 1668 และ 1669 เพื่อแก้ปัญหาคนไม่พอ
3.บมจ.โทรคมนาคมแห่งชาติ เข้าปรับปรุงระบบ 1668 และเพิ่มคู่สายให้สามารถรองรับปริมาณการโทรจำนวนมาก
4.สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิด “ศูนย์ 191” รับแจ้งผู้ป่วยโควิด19 แล้วส่งต่อข้อมูลให้หน่วยงานการแพทย์ ตลอด 24 ชม. รองรับ 1,200 คู่สายทั่วประเทศ
5.สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช) โทร 1330 ตลอด 24 ชั่วโมง ทำงานคู่ขนานกับสายด่วน 1668 ของกระทรวงสาธารณสุข และ 1669 ศูนย์เอรวัณ กทม. เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยยืนยันโควิด-19 สอบถามข้อมูลการใช้สิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง) และประสานหาเตียง
6.สำหรับผู้ติดเชื้อในพื้นที่กทม. โทรสายด่วน 1669 ศูนย์เอราวัณ ซึ่งได้จัดระบบการรับสายใหม่และเพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่รับสาย ขณะนี้ไม่มีปัญหาแล้ว และพร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง รวมทั้งประชาชนสามารถติดต่อสายด่วน 1668 หรือ 1330 ได้ด้วย ทั้งนี้ เมื่อมีผู้รับเรื่องแล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องโทรหมายเลขอื่นอีก เนื่องจาก ศูนย์เอราวัณจะเป็นศูนย์กลางในการจัดเตียง ขณะนี้ ทางศูนย์ฯ แจ้งว่าสามารถดำเนินการนำส่งผู้ป่วยได้แบบวันต่อวัน

“นายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณบุคลากรและอาสาสมัครทุกภาคส่วนที่ทุ่มเทกำลังอย่างเต็มที่ในการดูแลประชาชนในสถาณการณ์การแพร่ระบาดโควิด19 ข้อบกพร่องใดๆที่เกิดขึ้น รัฐบาลได้เร่งเข้าแก้ไข และสนับสนุนทรัพยากรเพื่อให้เกิดพัฒนางานบริการในทุกด้าน รวมถึงมีการเตรียมพร้อมเพื่อดูแลผู้ป่วยอาการหนักที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น อีกทั้ง มีงบประมาณเพียงพอต่อการเยียวยาดูแลและบรรเทาผลกระทบโควิด19 รอบใหม่ วงเงินมาจากจากพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน และงบกลางปีงบประมาณ 2564 โดยกระทรวงการคลัง กำลังพิจารณาออกมาตรการ ทั้งรูปแบบการเยียวยา และกระตุ้นใช้จ่าย” รองโฆษกฯ กล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้ห้องพักคอนโดฯ หรูกลางเมืองพัทยา

เพลิงไหม้คอนโดมิเนียมหรูกลางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี เจ้าหน้าที่ระดมรถน้ำควบคุมเพลิงได้ทัน ทำให้ไฟไม่ลุกลามห้องข้างเคียง

จับ “ใบเฟิร์น” อินฟลูฯสาวชื่อดัง โพสต์ชวนเล่นพนันออนไลน์

ตำรวจไซเบอร์ รวบ “ใบเฟิร์น กุลธาดา” อินฟลูฯ สาวแนวเซ็กซี่ ผู้ติดตามหลักล้าน แปะลิงก์เว็บพนันออนไลน์ เจ้าตัวยอมรับ ทำมาแล้ว 2-3 เดือน

ลิงลพบุรีแหกกรง กว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพัก

ลิงลพบุรีกรงแตก เพ่นพ่านกว่า 200 ตัว จ่าฝูงนำทีมบุกโรงพักท่าหิน ตำรวจปิดประตูหน้าต่างวุ่น ล่าสุดกลับมากินอาหารในกรงแล้วกว่า 100 ตัว กรมอุทยานฯ เร่งลุยจับ คาดใช้เวลา 2-3 วัน

ข่าวแนะนำ

คุมตัวสาวใหญ่โหดฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์ทำแผนฯ

ตร. คุมตัวสาวใหญ่โหด ลวงเพื่อนฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เจ้าตัวสำนึกผิด ฝากขอโทษญาติผู้เสียชีวิต ยอมรับทำเพราะติดหนี้พนันออนไลน์

Drone video captures severe flooding caused by super typhoon Man-Yi in the Philippines

ฟิลิปปินส์น้ำท่วมหนัก หลังไต้ฝุ่น “หม่านหยี่” ถล่ม

มะนิลา 18 พ.ย. – ฟิลิปปินส์เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ หลังจากซูเปอร์ไต้ฝุ่นหม่านหยี่ (Man-yi) พัดถล่มเกาะลูซอน ช่วงสุดสัปดาห์ เป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ในรอบ 1 เดือน ไต้ฝุ่นขึ้นฝั่งด้วยความเร็วลมสูงสุด 240 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้เกิดคลื่นสูง 7 เมตรบริเวณริมชายฝั่ง ส่งผลกระทบประชากรกว่า 760,000 คน และทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่จังหวัดนูเอวาเอซีฮา ทางตอนกลางของเกาะลูซอน ที่มีน้ำท่วมสูงเฉลี่ยเกือบ 1 เมตร นอกจากนี้ยังทำให้เกิดดินถล่มและสาธารณูปโภคพังเสียหายมากมาย ประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนต้องอพยพไปอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงชั่วคราว ขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ พายุหม่านหยี่เป็นพายุไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ที่พัดถล่มฟิลิปปินส์ในช่วง 1 เดือน ทั่วทั้งประเทศต้องตื่นตัวเพื่อรับมือภัยพิบัติด้วยมาตรการต่าง ๆ.-812(814).-สำนักข่าวไทย

ฆ่าตัดนิ้ว

เปิดปากสารภาพฆ่าตัดนิ้วแม่ยายอัยการ ชิงทรัพย์ล้างหนี้พนัน

หญิงวัย 56 ปี เปิดปากสารภาพฆ่าตัดนิ้วชิงทรัพย์แม่ยายอัยการ ก่อนนำทรัพย์สินไปขายใช้หนี้พนัน ตำรวจคุมตัวไปตามหาทรัพย์สินของกลาง อ้างลงมือก่อเหตุคนเดียว