สำนักข่าวไทย 27 เม.ย.-คณบดีศิริราช ชี้โควิดกลับมาวิกฤติทั่วโลก แนะทุกฝ่ายต้องร่วมมือ ทั้งมาตรการส่วนบุคคลและฉีดวัคซีน แจงสายพันธุ์อังกฤษ B.1.1.7 แพร่เร็วแล้วรุนแรงเพิ่มขึ้น ทำให้เสียชีวิตมากขึ้น พบระบาดทั่วโลก ย้ำการฉีดวัคซีนให้ได้ร้อยละ 25 ประชากร ช่วยคุมโรคได้ดี
นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวอัพเดทสถานการณ์โควิด -19 ว่า จากการติดตามการเฝ้าระวังโควิด -19 ในรอบ 8 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบ 5 สัปดาห์ มีการเสียชีวิตเร็วขึ้น ส่วนหนึ่งเพราะการติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น และจำนวนผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็น กลุ่มที่มีอายุน้อย 20-39 ปี ดังนั้นการป้องกันตนเองด้วยการอยู่กับบ้าน งดทำกิจกรรมนอกบ้าน ช่วยลดอัตราการติดเชื้อและเสียชีวิต
พร้อมกันนี้เปิดเผยว่าจากการติดตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลก พบว่าสถานการณ์โควิด-19 ถือว่าเป็นวิกฤติโลก โดยเริ่มพบการกลายพันธุ์ของสายพันธุ์อังกฤษเดือนกันยายนปีที่แล้ว และตอนนี้เริ่มมีการกระจายไปในหลายประเทศ หลายทวีปทั่วโลก ในปลายเดือนกุมภาพันธ์ เดิมอัตราการป่วยเฉลี่ย 1 ล้านคน จะพบภายใน 2-3 วัน แต่ปัจจุบันเพิ่มมากขึ้นเฉลี่ยวันละ 8 แสนคนต่อวัน ดังนั้น หากไม่มีมาตราการป้องกันตนเองให้ดี หรือไม่เร่งฉีดวัคซีนโอกาสที่จะพบผู้ป่วยเฉลี่ย 1 วัน 1 ล้านคน อาจเกิดขึ้นได้ การแก้ปัญหาการระบาดของโควิดไม่ใช่แค่ประเทศใดประเทศเดียว แต่ต้องทำด้วยกันทั้งหมด
นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกเมื่อวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา พบว่าทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนแล้ว 1,009 ล้านโดส เฉลี่ยวันละ 18 ล้านโดส พร้อมย้ำว่าการฉีดวัคซีนให้เร็ว ให้ทัน มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดจากไวรัสกลายพันธุ์ โดยยกตัวอย่างความสำเร็จของประเทศ ที่ได้รับการฉีดวัคซีนอย่างอิสราเอลที่เริ่มมีการฉีดวัคซีน เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.63 มีการฉีดไปแล้ว 10 ล้านโดส จากประชากรทั้งหมด 8.8 ล้านคน โดยฉีดเข็มแรก ร้อยละ 59.4 เข็ม 2 ร้อยละ 55.3 จะเห็นได้ว่าอัตราการตายเดิม 17 คนต่อวัน ปัจจุบันเหลือ 1 คนต่อวัน
ส่วนที่อินเดีย มีการฉีดวัคซีนช้า เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรที่มาถึง 1,366 ล้านคน โดยพบว่ามีการฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 16 ม.ค. ที่ผ่านมา ฉีดไปแล้ว 140 ล้านโดส เป็นวัคซีนเข็มแรก ร้อยละ 8.7 เข็มที่ 2 ร้อยละ 1.6 ซึ่งถือว่ามีอัตราการฉีดน้อยมากเมื่อเทียบกับความหนาแน่ และจำนวนประชากร โดยพบว่าอัตราการตายของอินเดียตอนนี้เพิ่มสูงขึ้นถึง 10 เท่าอยู่ที่ 2,766 คน จากเดิมเฉลี่ยวันละ 100 คนต่อวัน ทั้งนี้การฉีดวัคซีน จะมีผลในการคุมโรคได้ ต้องมีการฉีดร้อยละ 25 เปอร์เซนต์ขึ้นไปของจำนวนประชากร
นพ. ประสิทธิ์ กล่าวว่า สำหรับอัตราการใช้วัคซีนมากที่สุด พบว่าแอสตราเซเนกา มีการใช้ใน 91 ประเทศ รองลงมาไฟเซอร์ ใช้ใน 83 ประเทศ, สปุตนิควี ใช้ 62 ประเทศ ,โมเดอร์นนา 48 ประเทศ จอห์นสันแอน์จอห์นสัน 40 ประเทศ ซิโนฟาร์ม 35 ประเทศ ซิโนแวค 22 ประเทศ และบารัต 6 ประเทศ พร้อมเปรียบเทียบสายพันธุ์ของโควิดว่า ในส่วนของสายพันธุ์อังกฤษ หรือ B.1.1.7 พบว่าเดิมไม่มีความรุนแรง แค่แพร่เชื้อเร็วแต่ปัจจุบันพบหลักฐานความรุนแรงเพิ่มขึ้น และอาจทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น
ส่วนสายพันธุ์แอฟริกา หรือ B.1.351 เดิมแพร่กระจายเร็วและไม่พบความรุนแรงเพิ่มขึ้น ส่วนสายพันธุ์บราซิล P1 พบว่าทั้งแพร่เชื้อเร็ว และมีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้อีก โดยขณะนี้พบการติดเชื้อในญี่ปุ่นแล้ว ส่วนสายพันธุ์ในสหรัฐอเมริกา ที่พบถึง 2 สายพันธุ์ B.1.427 และ B.1.429 ในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ส่วนสายพันธุ์อินเดีย B.1.617 ยังไม่มีรายงานหรือข้อมูลเพิ่ม .-สำนักข่าวไทย