กทม. 17 เม.ย. – หลังนายกรัฐมนตรีแถลงข่าวโดยพูดถึงการเดินหน้าติดต่อซื้อวัคซีนเพิ่มเติมเพื่อให้เพียงพอกับคนไทยที่จะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 3 ยี่ห้อ คือ แอสตราเซเนกา, ซิโนแวค และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน
โดยสรุปวัคซีนที่กำลังเจรจาซื้อเพิ่มมี 5 บริษัท คือ วัคซีนที่ประเทศไทยกำลังติดต่อซื้อเพิ่มเติม
- Pfizer- Biontech
วัคซีนตัวนี้เป็นการร่วมงานกันระหว่าง Pfizer ของประเทศสหรัฐ และ Biontech ของประเทศเยอรมนี ได้รับการยอมรับว่าเป็นวัคซีนมีประสิทธิภาพที่สูง 95% ปัจจุบันวัคซีนตัวนี้ยังได้รับการอนุมัติในประเทศอังกฤษ และมีคำสั่งซื้อมากกว่า 40 ล้านโดส นอกจากนี้ยังมีประเทศยักษ์ใหญ่อื่น ๆ ที่ได้สิทธิ์ในการสั่งซื้อ ไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น อเมริกา และประเทศในแถบยุโรป วัคซีนชนิดนี้ต้องฉีด 2 โดส ระยะห่างระหว่างโดสแรกกับโดส 2 ประมาณ 3 สัปดาห์ ต้องเก็บรักษาในอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส
วัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค ได้รับการยอมรับเป็นอันดับ 2 รองจากวัคซีนแอสตาเซเนกา ล่าสุดผู้บริหารระดับสูงของไฟเซอร์ ออกมายอมรับว่าวัคซีนของไฟเซอร์ อาจต้องฉีดเข็มที่ 3 และนำไปสู่การฉีดเป็นประจำทุกปี
- Cansino Biologics
Convidecia หรือ Ad5-nCoV เป็นวัคซีนที่ผลิตในประเทศจีน วัคซีนตัวนี้อยู่ในช่วงทดลองเฟสที่ 3 ในกลุ่มประเทศจีน รัสเซีย ปากีสถาน ชิลี และเม็กซิโก ได้ผลลัพธ์ออกมาดี วัคซีนมีความปลอดภัย รวมไปถึงสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายได้ วัคซีนตัวนี้จึงได้อนุมัติให้ฉีดแบบกำจัดในประเทศจีน ฉีดวัคซีนให้คนจีนไปแล้วประมาณ 40,000-50,000 คน วัคซีนชนิดนี้ฉีด 1 โดส สามารถเก็บในอุณหภูมิตู้เย็นปกติ
3.Sinopharm (จีน)
วัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคโควิด-19 ได้ถึง 79.34% ผลิตในประเทศจีน รัฐบาลของจีนได้อนุมัติวัคซีนเป็นที่เรียบร้อย ที่ผ่านมาวัคซีนชนิดนี้ฉีดให้ประชาชนจีนไปเกือบล้านคนแล้ว และยังได้รับความนิยมในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ว่าตัววัคซีนมีประสิทธิภาพสูงถึง 86% วัคซีนของซิโนฟาร์ม ต้องฉีด 2 โดส ระยะเวลาห่างกัน 3 สัปดาห์
4.Bharat Biotech / ICMR (อินเดีย)
Covaxin วัคซีนตัวนี้อยู่ภายใต้การผลิตของ Bharat Biotech และ ICMR ในประเทศอินเดีย ถือเป็นตัวแรกที่ได้รับการวิจัยเชิงทดลองทางคลินิกของอินเดีย วัคซีนสามารถช่วยป้องกันเชื้อได้ดี ดังนั้นวัคซีน Covaxin จึงอนุมัติให้ใช้แบบฉุกเฉินในประเทศอินเดีย วัคซีนตัวนี้ต้องฉีด 2 โดส ระยะห่างกัน 4 สัปดาห์
5.Sputnik V / รัสเซีย
เป็นวัคซีนของรัสเซีย มีการอ้างอิงถึงประสิทธิภาพต้านโควิด-19 ได้สูงถึง 91.6% สอดคล้องและใกล้เคียงกับผลการทดสอบวัคซีนที่ทางผู้ผลิตและทดสอบอย่างสถาบัน Gamaleya เคยเผยเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนตัวนี้ว่ามีประสิทธิภาพ 91.4% เมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว มีการกระจายใช้ใน 25 ประเทศทั่วโลก
สยามไบโอไซเอนซ์ ส่งวัคซีนแอสตราเซนเนกาให้ไทย มิ.ย.นี้
อีกด้านหนึ่ง สยามไบโอไซเอนซ์ ของไทย ยืนยันการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 “แอสตราเซนเนกา” ก้าวหน้าตามแผนที่วางไว้ สามารถดำเนินการได้เรียบร้อย ขณะนี้อยู่ระหว่างการส่งตัวอย่างวัคซีนไปตรวจสอบคุณภาพในห้องปฏิบัติการใน “ยุโรป-สหรัฐ” โดยผลการตรวจสอบคุณภาพเบื้องต้นนั้น ตรงตามเกณฑ์มาตรฐาน
นางนวลพรรณ ล่ำซำ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรกิตติมศักดิ์ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด บอกว่า บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ตระหนักถึงหน้าที่สำคัญในการผลิตวัคซีนโควิด-19 โดยที่ผ่านมาบริษัทมีการประชุมทางไกลกับแอสตราเซเนกาอย่างใกล้ชิด เพื่ออัปเดตความคืบหน้าทุกขั้นตอนให้เป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยของแอสตราเซเนกา ผู้เกี่ยวข้องทุกคนกำลังทำงานแข่งกับเวลา เพื่อผลิตวัคซีนให้ได้เร็วที่สุด เพื่อเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ชีวิตความเป็นอยู่ สุขภาพของคนในชาติ รวมถึงเศรษฐกิจไทยกลับคืนสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
นายเจมส์ ทีก ประธาน บริษัท แอสตราเซเนกา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แอสตราเซเนกาทุ่มเททำงานอย่างเต็มความสามารถ เพื่อบรรลุเป้าหมายในการสนับสนุนการเข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึง และเท่าเทียมโดยเร็วที่สุด ท่ามกลางวิกฤติโรคระบาดเช่นนี้ โดยไม่หวังผลกำไร เรากำลังเร่งผลิตและส่งมอบวัคซีนให้ทันตามกำหนด เมื่อตัวอย่างวัคซีนผ่านการทดสอบที่เข้มงวดและได้รับการรับรองจากแอสตราเซเนกาแล้ว แอสตราเซเนกาจะส่งผลการตรวจสอบและข้อมูลการผลิตทั้งหมดให้กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อตรวจสอบและขอขึ้นทะเบียนวัคซีนต่อไป
เมื่อข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์ได้รับการขึ้นทะเบียนกับ อย. แล้ว สยามไบโอไซเอนซ์ จะส่งมอบวัคซีนให้กับแอสตราเซเนกา ซึ่งเป็นผู้ว่าจ้าง เพื่อตรวจสอบและอนุมัติข้อมูลการผลิต รวมถึงมาตรฐานคุณภาพและความปลอดภัยต่างๆ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายในการทำงานของสยามไบโอไซเอนซ์ ก่อนที่แอสตราเซเนกาจะดำเนินการส่งมอบวัคซีนให้กับรัฐบาลไทยตามกำหนดในเดือนมิถุนายน โดยสยามไบโอไซเอนซ์ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการสั่งซื้อวัคซีนแต่อย่างใด
บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด เป็นบริษัทผู้ผลิตยาชีววัตถุแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นใน พ.ศ.2552 ตามพระราชปณิธานในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงให้ความสำคัญกับการดูแลรักษาสุขภาพของคนไทย ได้รับเลือกจากบริษัท แอสตราเซนเนกา ผู้ผลิตชีวภัณฑ์ชั้นนำของโลก ให้เป็นฐานการผลิตวัคซีนป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สำหรับภูมิภาคอาเซียน. – สำนักข่าวไทย