ผบช.น. ยันตำรวจไม่ได้ใช้ความรุนแรงกับม็อบ

กรุงเทพฯ 14 ก.พ.-ผบช.น. ยันเจ้าหน้าที่ไม่ได้ใช้ความรุนแรงกับผู้ชุมนุม การยิงปืนขึ้นฟ้าเพื่อรักษาความสงบ พร้อมจ่อดำเนินคดีคนรื้อต้นไม้รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย


พลตำรวจโทภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ชี้แจงการปฏิบัติหน้าที่ในเหตุการณ์ชุมนุมที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และบริเวณหน้าศาลหลักเมือง เมื่อวานที่ผ่านมา กรณีตำรวจเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ชุมนุม และมีการขว้างปาสิ่งของจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ว่าจากเหตุการณ์ขว้างปาสิ่งของ มีตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวน 23 นาย ส่วนใหญ่ถูกสะเก็ดระเบิดปิงปอง และได้รับผลกระทบทางการได้ยิน ตอนนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
ยืนยันเหตุการณ์การรักษาความสงบของตำรวจ ไม่ได้ใช้แก๊สน้ำตา ไม่ได้ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง และกระสุนยาง กับกลุ่มผู้ชุมนุมแต่อย่างใด

ขณะที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวกลุ่มผู้กลุ่มผู้ชุมนุม ที่ก่อเหตุความวุ่นวาย ได้จำนวน 11 คน เมื่อตรวจสอบตัวบุคคล พบว่ามี 3 คน เป็นคนเมาสุรา ไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุม ส่วนอีก 8 คน เป็นกลุ่มผู้ชุมนุมที่ก่อเหตุขว้างปาสิ่งของใส่เจ้าหน้าที่ จึงแจ้งข้อหา ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.โรคติดต่อ และทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ขณะนี้ทั้ง 8 คน ถูกคุมตัวไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายได้ภาค 1


ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมอ้างผ่านโชเชียลมีเดีย ว่ามีเจ้าหน้าที่ทำร้ายพยาบาลในพื้นที่ชุมนุมนั้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าไม่ได้มีอาชีพพยาบาล แต่อาจเป็นเพียงกลุ่มผู้ชุมนุมที่อาสาอยู่ในหน่วยพยาบาลให้กับผู้ชุมนุมเท่านั้น เจ้าหน้าที่ยืนยันไม่ได้ใช้ความรุนแรงกับกลุ่มผู้ชุมนุม แต่ยอมรับว่าตำรวจจำเป็นต้องใช้ปืนยิงขึ้นฟ้า เพื่อรักษาความสงบ เนื่องจากมีผู้ชุมนุมบางกลุ่มไม่ให้ความร่วมมือในการตรวจคัดกรอง และสร้างความวุ่นวาย

สำหรับอีกเหตุการณ์หนึ่ง เป็นเหตุการณ์ที่มีกลุ่มวัยรุ่นยิงกันที่ร้านสะดวกซื้อ ซึ่งก็พบว่าเป็นกลุ่มการ์ดของผู้ร่วมชุมนุม ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบเหตุ และได้ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยหนึ่งคน ในระหว่างนั้น ผู้ร่วมชุมนุมบางส่วน พยายามแย่งตัวผู้ต้องสงสัยจากเจ้าหน้าที่ตำรวจและทำร้ายร่างกายตำรวจ ตำรวจจึงได้นำตัวไปที่ สน.นางเลิ้ง จากนั้นก็มีกลุ่มการ์ดพยายามปิดล้อม สน.นางเลิ้ง ตำรวจจำเป็นต้องควบคุมสถานการณ์จึงใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าเพื่อระงับเหตุ จากนั้นก็มีการตรวจสอบพยานบุคคลในที่เกิด รวมถึงหลักฐานอื่นพบว่า ผู้ต้องสงสัยคนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความวุ่นวายในร้านสะดวกซื้อจึงได้ปล่อยตัวไป ขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดี

นอกจากนี้ตำรวจยังเตรียมดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่เข้ารื้อต้นไม้รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยด้วย รวมทั้ง หากมีหลักฐานยืนยันว่าเจ้าพนักงานถูกทำร้ายก็จะดำเนินคดีย้อนหลัง และหากใครมีข้อมูลว่าถูกทำร้ายจากเจ้าหน้าที่ ก็ยินดีมาให้ปากคำกับตำรวจ


ส่วนสถานการณ์การชุมนุมในอนาคต ยืนยันต้องดำเนินการตามมาตรการ และประเมินสถานการณ์กลุ่มผู้ชุมนุมเป็นหลัก พร้อมย้ำว่าผู้ชุมนุมควรให้ความร่วมมือตามที่ตำรวจแนะนำ เพื่อความปลอดภัย หากความรุนแรงทวีขึ้น ตำรวจอาจต้องปฏิบัติตามลำดับขั้นตอนจากเบาไปหาหนัก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

voting ballot of Manchester, New Hampsher

เผยผลเอ็กซิตโพลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2024                                               

รอยเตอร์เผยเอ็กซิตโพลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐว่า 2 ผู้สมัครที่เป็นคู่แข่งขันกันได้คะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มใดในสัดส่วนเท่าใด

รองเจ้าอาวาสวัดดัง เปย์สีกาไม่อั้น ลาสิกขาแล้ว

“รองเจ้าอาวาสวัดดัง” ลาสิกขาแล้วกลางดึก หลังปมฉาวเปย์สีกาไม่อั้น บอกไม่อยากให้เกิดความเสื่อมเสียต่อวัดและคณะสงฆ์

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

ข่าวแนะนำ

voting ballot of Manchester, New Hampsher

เผยผลเอ็กซิตโพลเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2024                                               

รอยเตอร์เผยเอ็กซิตโพลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐว่า 2 ผู้สมัครที่เป็นคู่แข่งขันกันได้คะแนนเสียงจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่มใดในสัดส่วนเท่าใด

ชาวอเมริกันออกไปเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

ชาวอเมริกันออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อวานนี้ เพื่อตัดสินว่าใครจะได้เป็นผู้นำประเทศคนต่อไป ระหว่างนายโดนัลด์ ทรัมป์ กับนางคอมมาลา แฮร์ริส

อุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยตอนบนมีอากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส กับมีลมแรงในภาคอีสาน ส่วนบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสานตอนล่าง ภาคกลางตอนล่าง รวมทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง