กทม.7 ก.พ.-ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง เผยพิษของแมลงก้นกระดก ปวดแสบปวดร้อน หากแพ้รุนแรง ไข้ อาเจียน ต่อมน้ำเหลืองโต ย้ำแมลงชนิดนี้ไม่กัด แต่พิษอยู่ที่ท้อง อย่าไปบี้หรือทำให้ท้องแตก
พญ.มิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง อันตรายจากพิษ แมลงก้นกระดกหรือด้วงก้นกระดก ที่ล่าสุด นาวแบบสาว โย ยศวดี หัสดีวิจิตร โพสต์เตือนภัยในIG ส่วนตัวว่า โดนแมลงก้นกระดกในตำนานกัดบริเวณใบหู จนเกิดอาการแสบร้อน บวมแดง ที่ หู และลำคอ หนักถึงขั้นอาเจียน 3 รอบ พญ.มิ่งขวัญ กล่าวว่า อยากทำความเข้าใจก่อนว่า แมลงก้นกระดกไม่ได้กัด แต่พิษของมันจะอยู่บริเวณท้อง เมื่อโดนพิษจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อน จนเกิดการบวมแดง จึงเข้าใจว่าถูกกัดได้ ซึ่งส่วนใหญ่ พิษของแมลงจะถูกปล่อยออกมาเมื่อเราไปสัมผัส หรือ บี้ จนท้องของแมลงก้นกระดกแตก จะปล่อยสารพีเดอรินออกมา ซึ่งมีฤทธิ์ป็นกรดอ่อน เมื่อสัมผัสกับผิวหนัง จะมีอาการปวดแสบปวดร้อน และมีการบวมแดงของผิวหนัง เป็นรอยแดงทางยาว จนบางคนคิดว่าเป็นงูสวัสดิ์ เนื่องจากมีอาการปวดแสบปวดร้อนคล้ายๆกัน ซึ่งความรุนแรง ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของร่างกายและจำนวนพิษ เช่น หากสัมผัสพิษ บริเวณ มือ และไม่ได้นำมือไปสัมผัสบริเวณของร่างกาย จะไม่มีอาการเนื่องจากฝ่ามือของเราค่อนข้างหนา แต่หากนำมือไปสัมผัส ลำตัว ใบหน้า ลำคอ หรือสัมผัสบริเวณเนื้ออ่อน จะทำให้เกิดอาการที่หนักขึ้น หากพิษไปสัมผัสตา จะเกิดอาการตาแดง อักเสบ เป็นแผลที่กระจกตาได้ ซึ่งหากโดนแมลงตัวเล็กพิษอาจน้อย แต่หากตัวใหญ่ อาการจะรุนแรงขึ้น
สำหรับ อาการหลักๆ เมื่อโดนพิษของแมลงก้นกระดก จะมีอยู่ 2 ลักษณะ แบ่งเป็น อาการทางผิวหนัง และอาการเชิงระบบ ซึ่ง อาการทางผิวหนัง โดยทั่วไปจะมีอาการของผื่นแดง ปวดแสบปวดร้อน ลักษณะผื่นจะเป็นแนวยาว แต่หากพิษโดนบริเวณ ข้อพับ ข้อศอก ข้อเข่า มักกระจายไปสัมผัสส่วนอื่นๆเพิ่ม จนเกิดผื่นสองผื่นที่ลักษณะคล้ายกัน และ เมื่อโดนพิษ ไม่เกิน 2 ชั่วโมง จะรู้สึกแสบผิว คัน และเมื่อปล่อยทิ้งไว้ 1-2 วัน หากไปแกะ เกา จะมีตุ่มหนองร่วมด้วย เนื่องจากมีการติดเชื้อซ้ำเติม แต่สำหรับในเด็กและผู้ที่ได้รับพิษจำนวนมาก และมีอาการแพ้ จะมีอาการเชิงระบบอื่นๆร่วมด้วย เช่น มีไข้ต่ำๆ ต่อมน้ำเหลืองโต คลื่นไส้อาเจียน ให้รีบไปพบแพทย์ทันที
พญ.มิ่งขวัญ กล่าวว่า ลักษณะของแมลงชนิดนี้ คือ จะยาวประมาณ 7 มิลลิเมตร หรือ ประมาณ 1 เซนติเมตร ลักษณะเป็นปล้องๆ สีน้ำตาลเหลือง ก้นชี้ขึ้นฟ้าเวลาเดิน สารพิษจะอยู่ในท้อง อย่าไปจับหรือบี้ แต่หากเกิดไปสัมผัสกับพิษ ให้พยายามล้างด้วยน้ำเปล่า หรือสบู่อ่อนๆ เร็วที่สุดจะช่วยชะล้างพิษออกได้ หากพิษไม่มาก 2-3 วันอาการจะหายได้เอง หากรู้สึกปวดแสบปวดร้อน ไหม้ หรือเป็นตุ่มหนอง อาจใช้ยาแก้อักเสบหรือสเตียรอยด์อ่อนๆทา ภายใน 2 สัปดาห์อาการจะดีขึ้น แต่หากมีไข้ อาเจียน ต้องไปพบแพทย์ ทั้งนี้ยังไม่มีรายงานยืนยัน พบผู้เสียชีวิตจากการถูกพิษของแมลงก้นกระดกในประเทศไทย ส่วนต่างประเทศ มีเพียง 1 ราย ที่สงสัยว่าอาจจะเสียชีวิตจากพิษของแมลงชนิดนี้ โดยทั่วไปแมลงก้นกระดกจะพบบริเวณชายป่า หรือรอยต่อระหว่างป่ากับเมือง และมักจะพบช่วงปลายฝนต้นหนาว แต่จากการเฝ้าระวังของสถาบันโรคผิวหนัง ปัจจุบันพบว่า มีผู้ได้รับพิษจากแมลงชนิดนี้ ทุกเดือน ไม่ใช่แค่ช่วงปลายฝน ต้นหนาวแล้ว แต่พบทั้งปี พร้อมแนะว่า หากพบแมลงชนิดนี้ อย่าตี หรือทำอะไรให้ท้องแมลงก้นกระดกท้องแตก อาจจะใช้ สกอตเทปแปะ ไม่ใช้มือจับ หรือใช้กระดาษค่อยๆช้อนแมลงออกไป อย่าสัมผัสตัวหรือท้องของแมลง แต่หากโดนพิษแล้ว ย้ำว่าโรคนี้รักษาได้
ส่วนกรณีนางแบบสาว โดนพิษบริเวณใบหู อาจจะไปนอนทับจนท้องแมลงก้นกระดกแตก จนปล่อยสารออกมา หรือ อาจจะเผลอไปปัด แล้วนำมือมาสัมผัสใบหู ลำคอ ก็จะเกิดอาการปวดแสบปวดร้อน ได้ โดยทั่วไปเมื่อได้รับการรักษา ทายา ไม่เกิน 2 สัปดาห์อาการจะดีขึ้น แต่ที่ต้องระวัง คือ ห้ามแกะ เกา เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้ออื่นๆร่วมด้วย อาการจะยิ่งรุนแรง .-สำนักข่าวไทย