นายกฯ กำชับเร่งจับกุมคนมั่วสุมผิด กม. เสี่ยงโควิดระบาด

กรุงเทพฯ 6 ก.พ.-นายกรัฐมนตรี กำชับ ก.กลาโหม-ตำรวจ เร่งจับกุมคนมั่วสุมผิดกฎหมายเสี่ยงโควิดแพร่ระบาด ย้ำต้องดำเนินคดี-ส่งฟ้อง ยันปิดตลาดไม่ได้เอื้อเจ้าสัว ชี้การตรวจหาเชื้อเชิงรุกไม่ใช่การตีรังแตน แต่เป็นการดับไฟต้นลม วอนทุกคนช่วยเป็นยามเฝ้าแผ่นดิน อย่ามัวโทษกันไปมา ขอคนไทยไม่ดูแคลนคนไทยด้วยกัน


พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมพูดคุยถึงสถานการณ์โควิด-19 ผ่าน PM PODCAST เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า การบริหารจัดการใหม่ในสถานการณ์โควิด-19 ระบาดใหม่ ตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน ถือเป็นการระบาดใหม่ในประเทศที่ไม่ได้มีความเชื่อมโยงกับการระบาดรอบแรก ซึ่งประเทศไทยใช้เวลาการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้อยู่ในระดับที่สามารถบริหารจัดการได้ภายใน 2 เดือนในช่วงมีนาคมและเมษายน 2563 ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 101 วัน ซึ่งตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกันยายน ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ในประเทศ ล้วนเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของทุกภาคส่วน และทุกคนก็เริ่มจะปรับตัวได้เป็นอย่างดีกับชีวิตวิถีใหม่ นอกจากนี้ อยากให้ทุกคนตั้งข้อสังเกตร่วมกันว่า ปีที่แล้ว ประเทศไทยเลือกการล็อกดาวน์ เพราะชาวโลกต่างก็ไม่รู้จักโรคระบาดใหม่ แต่ย้ำว่าเป็นการล็อกดาวน์แบบค่อยเป็นค่อยไปตามจังหวะและเวลาที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงความสมดุลย์ของสุขภาพและปากท้องของประชาชน ซึ่งไทยก็ประสบความสำเร็จ ในขณะที่หลายประเทศไม่กล้าและตัดสินใจเมื่อสายไป จนสุดท้ายก็ต้องล็อกดาวน์อยู่ดี และทำให้ไม่สามารถควบคุมโรคได้ จนถึงทุกวันนี้ ก็เกิดการระบาดรอบที่สองและรอบที่สาม ซึ่งสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

“เราคนไทยมีคติว่าเจ็บแล้วต้องจำ จะบันทึกทุกอย่างไว้เป็นสถิติ แล้วปรับการใช้มาตรการต่างๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยตั้งอยู่บนบริบทของประเทศไทย ยกตัวอย่างเช่น หากจะพิจารณาปิดสถานประกอบการใดก็ต้องคำนึงจากตัวเลขสถิติ ซึ่งสถิติจะสะท้อนการแพร่ระบาดของโรค และตัวเลขเหล่านี้จะสะท้อนออกมาเป็นข้อกำหนดและมาตรการของ ศบค. หลายคนอ้างว่า ปิดตลาด แต่ไม่ปิดห้าง เพราะเอื้อเจ้าสัวนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เป็นการกล่าวหาที่เลื่อนลอย ไร้ตรรกะและหลายข้อมูลโดยสิ้นเชิง” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า จะเห็นว่าครั้งนี้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์ทั้งประเทศได้ และหันมาใช้การแบ่งเป็นโซนพื้นที่ พร้อมกำหนดมาตรการควบคุมในแต่ละพื้นที่อย่างเหมาะสม รวมถึงกระจายอำนาจในการตัดสินใจกำหนดมาตรการในแต่ละจังหวัดให้กับคณะกรรมการควบคุมโรคของจังหวัดที่มองเห็นปัญหาสอดคล้องกับความเป็นจริงในแต่ละพื้นที่ วิธีนี้ช่วยลดผลกระทบกับวิถีชีวิตของชาวชุมชนและลดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ แต่แม้ว่าในอนาคตจะเริ่มมีการฉีดวัคซีน ก็ยังต้องมีมาตรการเสริมในการป้องกันและควบคุมโรคเช่นเคย ขณะที่งานรื่นเริงที่มีของมึนเมา ก็ได้ติดตามการสอบสวนโรคทุกคน ปฏิบัติเชิงรุกมากขึ้นในสถานที่เสี่ยง โดยเฉพาะโรงงานในสมุทรสาคร ทั้งนี้ เมื่อยอดผู้ติดเชื้อลดลง มีการผ่อนคลายมาตรการควบคุมให้สอดคล้องกับความเป็นจริง นอกจากนี้ ยังได้กำชับหน่วยมั่นคงให้เฝ้าระวังตามแนวชายแดนอย่างเข้มงวด และดำเนินการโดยตลอด แต่จะเห็นว่า ผู้กระทำผิดจะหาช่องทางใหม่เสมอ แต่ก็เฝ้าตรวจอย่างเข้มข้นทั้งช่องทางธรรมชาติและด่านตรวจคนเข้าเมือง

“หากเราช่วยกันเป็นยามเฝ้าแผ่นดิน จะแบ่งเบาภาระซึ่งกันและกัน อย่ามัวแต่โทษกันไปกันมา เราต้องร่วมมือ อย่าปล่อยให้คนไม่ดี คนชั่ว เข้ามาอยู่ในพื้นที่ของเรา” นายกรัฐมนตรี กล่าว

ขณะเดียวกัน กระทรวงกลาโหมและตำรวจ ยังจัดชุดตรวจดูแลสถานประกอบการที่มีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะการเร่งค้นหาจับกุมกลุ่มที่มั่วสุมผิดกฎหมาย ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ซึ่งต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดด้วยการดำเนินคดีและส่งฟ้อง ส่วนวัคซีน ไทยจะไม่ใช่ผู้ซื้อตลอดไป ต้องแสวงหาโอกาส ช่องทางที่จะเป็นผู้ผลิตและสร้างนวัตกรรมด้วยตัวเองให้ได้ ไม่วันนี้ก็วันข้างหน้า สำหรับกรณีการตรวจหาเชื้อโควิดเชิงรุกที่มีการมองว่า เป็นการตีรังแตน แล้วทำให้เกิดความตระหนกหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่า เป็นการดับไฟที่ต้นตอ ซึ่งช่วงแรกของการระบาดใหม่ มุ้งเน้นการทำงานเชิงรุกมาตลอด เพื่อปิดโอกาสซูเปอร์สเปรดเดอร์


“การทำงานแบบไทยๆ เป็นจุดแข็งของคนไทย เมื่อมีภัย เราก็ร่วมมือกัน คนไทยไม่ควรมาดูแคลนคนไทยด้วยกัน ส่วนใครที่ยังเข้าใจคลาดเคลื่อนแล้วสื่อสารออกไปไม่ตรง ผมเชื่อว่า ความจริงเหล่านี้ จะทำให้ท่านสบายใจ และหันมาร่วมมือกับเรา และคนส่วนใหญ่ของประเทศ” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำถึงการตั้งโรงพยาบาลสนามว่า เพื่อสร้างความสบายใจว่า ผู้ป่วยโรคอื่นจะไม่ปะปนกับผู้ป่วยโรคโควิด-19 ยอมรับว่า ระยะแรกบางชุมชนไม่เข้าใจ แต่ภายหลังก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่มีใครต่อต้านแล้ว ยืนยันไม่มีการปกปิดข้อมูล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผ่าไชน่า เรลเวย์ คว้า 3 โครงการรัฐในภูเก็ต

เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม กลายเป็นปฐมบทในการปูพรมตรวจสอบบริษัท ไชน่า เรลเวย์ หลังพบเป็นผู้ชนะการประมูลโครงการก่อสร้างตึก สตง. และโครงการรัฐหลายแห่งทั่วประเทศ ล่าสุดที่ จ.ภูเก็ต ตรวจพบ 3 โครงการ และหนึ่งในนั้นกำลังมีปัญหาก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน

มหาสงครามโลก

นักวิชาการชี้ “มหาสงครามโลกครั้งที่ 3” เกิดแน่ถ้าโลกยังตึงเครียด

นักวิชาการด้านความมั่นคงและการต่างประเทศระดับแนวหน้าของไทย มีความเห็นตรงกันว่า หากผู้นำชาติมหาอำนาจไม่เร่งลดระดับความตึงเครียดสถานการณ์โลก

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว

กู้ภัยนานาชาติ เครือข่าย USAR ถอนกำลังแล้ว หลังอยู่ปฏิบัติภารกิจค้นหา-กู้ชีพ สนับสนุนกู้ภัยไทย เหตุตึก สตง.ถล่ม กว่า 1 สัปดาห์

ธรรมชาติใต้ดินเปลี่ยนไป หลังแผ่นดินไหว 1 สัปดาห์

แผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส่งแรงสั่นสะเทือนในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ แม้บนพื้นผิวดินจะไม่ได้สร้างความเสียหายมากนัก แต่พบความเปลี่ยนแปลงสภาพใต้ดินจนเกิดปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทั้งหลุมยุบขนาดใหญ่ น้ำพุร้อนที่เคยพุ่งจากใต้ดินหายไป แต่น้ำตกที่แห้งในหน้าแล้งกลับมีน้ำไหลออกมา ซึ่งนักธรณีวิทยายืนยันเป็นผลพวงจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนอง-ลมกระโชกแรง

กรมอุตุฯ เตือนไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง และลูกเห็บตกบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง ส่วน กทม.-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 40% กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

“ไฮโซกำมะลอ” กระโดดชั้น 3 สน.โคกคราม

“ไฮโซเก๊” โลก 2 ใบ เครียดปีนตึก หลังถูก “คะน้า” ดาราสาว ออกมาแฉกลางรายการดัง จนตำรวจต้องเข้าเกลี้ยกล่อมพาไปโรงพัก แต่ยังวิ่งหนีการควบคุม กระโดดลงมาจากชั้น 3 สน.โครกคราม บาดเจ็บ

วันที่ 11 ปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. ถล่ม

วันที่ 11 ของปฏิบัติการกู้ซากตึก สตง. พังถล่ม เจ้าหน้าที่เดินหน้าใช้เครื่องจักรหนักเข้า เคลียร์ซากต่อเนื่อง โดยเฉพาะโซนบี และซี ที่คาดว่าเป็นจุดที่มีผู้ติดค้างอยู่จำนวนมาก