นิวเดลี 8 พ.ค. – การโจมตีกันระหว่างอินเดียและปากีสถานตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตรวมกันอย่างน้อย 41 ราย อยู่ในปากีสถาน 26 ราย และในอินเดียอย่างน้อย 15 ราย
กองทัพปากีสถานเผยล่าสุดว่า การโจมตีทางอากาศด้วยขีปนาวุธของอินเดียข้ามมายังปากีสถานช่วงกลางดึกคืนก่อน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็นอย่างน้อย 26 ราย บาดเจ็บอีกเกือบ 60 คน อาคารบ้านเรือนจำนวนมากและมัสยิด 2 แห่งในพื้นที่ 6 จุดเสียหาย ส่วนใหญ่อยู่ในรัฐปันจาบและแคชเมียน์ส่วนที่อยู่ในความปกครองของปากีสถาน พร้อมกับย้ำว่า อินเดียโจมตีเป้าหมายพลเรือนไม่ใช่แหล่งซ่องสุมผู้ก่อการร้ายตามที่อินเดียกล่าวอ้าง ขณะที่กองทัพปากีสถานตอบโต้ด้วยการยิงปืนใหญ่ข้ามพรมแดนไปยังภูมิภาคแคชเมียร์ส่วนที่อยู่ในความปกครองของอินเดียเมื่อวานนี้ มีผู้เสียชีวิต 15 ราย และยังอ้างว่าสามารถยิงเครื่องบินรบของอินเดียตกถึง 5 ลำ ซึ่งนายกรัฐมนตรี เชบาซ ชารีฟ ของปากีสถาน บอกว่าเป็นการใช้สิทธิตอบโต้ของอินเดีย แต่กองทัพอินเดียยังไม่ยืนยันเรื่องนี้
การโจมตีปากีสถานของอินเดียเป็นส่วนหนึ่งของ “ปฏิบัติการ สินดูร์” (Operation Sindoor) มีเป้าหมายเพียงเพื่อทำลายโครงสร้างพื้นฐานกลุ่มก่อการร้ายในปากีสถาน และเพื่อตอบโต้เหตุสมาชิกกลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนในปากีสถาน สังหารนักท่องเที่ยว 26 คนในรัฐจัมมูและแคชเมียร์ของอินเดียเมื่อสองสัปดาห์ก่อน

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐบอกว่า เขาอยากให้อินเดียและปากีสถานหยุดการโจมตีกัน และเสนอให้ความช่วยเหลือทั้งสองประเทศแก้ไขความขัดแย้งท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้น โดยระบุว่า หากเขาสามารถช่วยอะไรได้ก็ยินดีจะทำ
ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทยทั้งในกรุงนิวเดลีของอินเดีย และกรุงอิสลามาบัดของปากีสถาน ออกประกาศเตือนคนไทยติดตามสถานการณ์ผ่านแหล่งข่าวทางการ และประกาศจากหน่วยงานท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด แจ้งให้คนไทยใช้ความระมัดระวังและเพิ่มความตื่นตัวเกี่ยวกับสถานการณ์ในปากีสถาน โดยเฉพาะคนไทยที่อาศัยอยู่ในเมืองละฮอร์ และเมืองใกล้เคียงพื้นที่ซึ่งถูกโจมตี รวมถึงให้พิจารณาอย่างระมัดระวังในการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง อาทิ พื้นที่เส้นควบคุม หรือ Line of Control ดินแดนสหภาพจัมมูและแคชร์เมียร์ พรมแดนอินเดียกับปากีสถาน และบริเวณอื่น ๆ ที่มีการสู้รบ หากไม่มีความจำเป็นควรระงับการเดินทางไว้ก่อน.-815.-สำนักข่าวไทย