กทม. 28 ม.ค. – คุมตัวคนร้ายจี้ชิงเงิน ธ.กรุงไทย ทำแผนในห้างดังย่านบางกะปิ เผยขึ้นแท็กซี่ เปลี่ยนรถหลายคัน ย้อนเส้นทาง หวังตบตาเจ้าหน้าที่ แต่สุดท้ายหนีไม่รอด สารภาพเครียดติดหนี้ ไม่มีเงินใช้จ่าย เตรียมขอศาลฝากขังพรุ่งนี้
นายสุวิทย์ สิทธิแสน อายุ 35 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้อาวุธปืนชิงเงินสด 610,000 บาท จากธนาคารภายในห้างสรรพสินค้าย่านบางกะปิ เมื่อวันที่ 24 มกราคมที่ผ่านมา ถูกตำรวจ สน.ลาดพร้าว ควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ชี้จุดเกิดเหตุ เริ่มจากจุดแรกที่บริเวณหน้าห้างสรรพสินค้า และบันไดข้ามถนน ซึ่งเป็นเส้นทางที่คนร้ายเดินเข้ามาภายในห้างฯ จุดที่ 2 คือ หน้าธนาคาร บริเวณชั้น 3 ของห้างฯ เป็นจุดที่นายสุวิทย์ มานั่งทำทีรอคิวเข้าใช้บริการ เพื่อดูลาดเลา จุดที่ 3 คือ บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ที่ใช้อาวุธปืน ซึ่งอ้างว่าเป็นอาวุธปืนปลอม ข่มขู่ให้พนักงานมอบเงินให้ จากนั้นตำรวจพาไปชี้จุดที่ 4 คือ เส้นทางหลบหนี โดยนายสุวิทย์ได้ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามห้างฯ เพื่อเรียกรถแท็กซี่ให้ขับย้อนไปทางแยกโชคชัย ก่อนจะเปลี่ยนยานพาหนะหลายคัน เพื่อตบตาเส้นทางหลบหนี และจุดสุดท้าย คือ ที่หอพักของผู้ต้องหา ในซอยลาดพร้าว 140 ซึ่งจุดนี้ตำรวจขอความร่วมมือสื่อมวลชนไม่ให้ตามไปชี้จุดเกิดเหตุ ก่อนที่ตำรวจจะพาตัวนายสุวิทย์ กลับไปสอบปากคำต่อที่ สน.ลาดพร้าว
ระหว่างการทำแผนฯ นายสุวิทย์ ยอมตอบคำถามสื่อมวลชนเป็นบางช่วงว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง สาเหตุมาจากความเครียดที่ตนเองไม่มีเงินใช้จ่าย และเป็นหนี้ธนาคาร จึงวางแผนเพื่อลงมือ
ขณะที่ พ.ต.อ.รุ่งสกุล บุญกระพือ ผู้กำกับการ สน.ลาดพร้าว ระบุว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหายอมรับว่า สาเหตุมาจากเรื่องเงิน และตกงานจากผลกระทบของโควิด-19 ส่วนเรื่องอาวุธปืน นายสุวิทย์ ยังคงยืนยันว่าใช้อาวุธปืนปลอม แต่ไม่อธิบายรายละเอียดว่าเป็นปืนอะไร เพราะไม่มีความรู้ในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากขณะก่อเหตุ นายสุวิทย์ มีการใช้อาวุธข่มขู่พนักงาน จึงได้แจ้งข้อหาชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้อาวุธ ทั้งนี้ หลังการทำแผนฯ เสร็จสิ้น พนักงานสอบสวนได้คุมตัวนายสุวิทย์ไว้ชั่วคราว ระหว่างรอการทำสำนวนคดี ก่อนจะคุมตัวไปขออำนาจศาลฝากขัง ในวันพรุ่งนี้ (29 ม.ค.).-สำนักข่าวไทย