สำนักข่าวไทย 25 ม.ค.- คณบดีศิริราช เผยนำผู้ว่าฯ สมุทรสาครเจาะคอเพื่อดูดเสมหะและช่วยให้หายใจดีขึ้น ส่วนการเอกซเรย์ปอด พบอักเสบมีพังผืดจากโควิด ส่วนสมองดี ยังไม่มีแนวคิดปลูกถ่ายปอด อยากรักษาให้ผู้ป่วยอยู่ได้ด้วยอวัยวะตัวเอง ลุ้นให้ยาตัวใหม่และยาลดพังผืดในปอด
ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงความคืบหน้าอาการของนายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ว่าหลังจากไม่ได้มีการแถลงอาการมา 2 วัน โดยเมื่อวันเสารที่ผ่านมาตอนบ่ายโมง ได้นำผู้ว่าไปเจาะคอ เพื่อดูดเสมหะให้ได้มากขึ้น ลดการอักเสบ เนื่องจากคนที่ใส่ท่อนานๆ มีแนวโน้มเจาะคอ เนื่องจากผู้ว่าฯ มีอะไรไปกระตุ้นนิดนึง เกิดการระคายก็จะขยับตัว การเจาะคอจะช่วยให้ไม่รู้สึกอึดอัด เมื่อดูดเสมหะได้มากขึ้น ซึ่งทุกอย่างดำเนินการเรียบร้อยดี และได้มีการแจ้งภรรยาผู้ว่า และลูกสาว ให้รับทราบและอนุญาตเรียบร้อยแล้ว จากการเจาะคอทำให้การรับออกซิเจนดีขึ้น ลมผ่านเข้าปอดได้ดี การควบคุมการหายใจดีขึ้น การติดเชื้อ ไข้ลดลง ให้ยาปฏิชีวนะตอบสนองได้ดี
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมคณะแพทย์ที่ให้การรักษา เมื่อเวลา 11.00 น. และครบ 24 ชั่วโมง ช่วงเย็นตอน 20.00 น. ได้มีการนำตัวเอกซ์เรย์ คอมพิวเตอร์ ตรวจดูการทำงานปอด ว่าโควิดได้เข้าไปทำลายเนื้อปอดมากน้อยแค่ไหน และเหลือเนื้อปอดอยู่เท่าไหร่ เพราะเป้าหมายเมื่อผู้ว่าฯ กลับบ้านต้องไม่ใส่เครื่องช่วยหายใจ และเลยดูไปถึงการทำงานของสมองด้วย จากการตรวจหาเชื้อโควิดในผู้ว่าฯ ไม่พบโควิด 2 รอบ ผลการทำเอกซเรย์คอมฯ ปอดมีการอักเสบและเนื้อปอดบางส่วนมีพังผืดเกิดขึ้นแสดงว่าโควิดเข้าไปทำลายเนื้อปอดและทิ้งรอยไว้
ส่วนหลอดเลือดในปอดเรียบร้อยดี ดูสมองก็เรียบร้อยดี ทำให้สบายใจมากขึ้น โดยวันนี้จะมีการดูดน้ำออกจากหลอดลมเพื่อนำตรวจโควิดอีกครั้งและดูการอักเสบ และดูถึงระดับเซลล์ในหลอดลม เพื่อเตรียมให้ยาบางอย่าง ลดการอักเสบและยาลดการสร้างพังผืดในปอด ซึ่งต้องรอดูผลการให้ยาใน 72 ชั่วโมง ว่าระบบทุกอย่างดีขึ้นหรือไม่ ทั้งลดการอักเสบ การติดเชื้อ
ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า การเจาะคอของผู้ว่าฯผ่านมา 48 ชั่วโมง คนส่วนใหญ่มักตกใจ ถ้าเห็นคนไข้หนัก เจาะคอ และกล่าวว่าขณะนี้พยายามซื้อเวลาควบคุมการติดเชื้อในปอดและจำเป็นต้องทำ การปลูกถ่ายปอด ยังไม่ถึงเวลา คนทั่วโลกมีการพูดถึงกันเรื่อง มีการรายงานในวารสารการแพทย์ว่า โควิดเข้าทำลายเนื้อปอดจนไม่เหลือและไม่สามารถหายใจได้ตัวเอง ออกซิเจนในเลือด ไม่พอ บางประเทศมีการเปลี่ยนปอด เอาปอดของคนอื่นมาใส่แต่ไม่ใช่ทุกรายทำแบบนี้ การรักษาอยากให้อยู่ด้วยอวัยวะของตัวเอง มากกว่า วิธีนี้จึงเป็นวิธีสุดท้าย
พร้อมยอมรับ ที่ผ่านเคยมีคนไข้โควิดอาการหนักเจาะคอ บางคนก็ใช้ปอดเทียม บางคนก็รอดชีวิต และบางคนก็เสียชีวิต ฉะนั้นอย่าคิดว่าโควิดรอบนี้ไม่หนัก เพราะคนที่มีอาการหนักก็รุนแรงมาก .- สำนักข่าวไทย