สตช.แจงสารเคมีฉีดใส่ผู้ชุมนุมไม่มีสารอันตราย

กรุงเทพฯ 24 พ.ย.- ตำรวจพร้อมด้วยบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถจีโน่ แจงการใช้ “สารเคมี” ที่ใช้ในภารกิจควบคุมฝูงชน ยืนยันใช้เพื่อยับยั้งไม่ให้ก่อเหตุความรุนแรง และ ไม่มีสารอันตรายกับผู้ชุมนุม 


พลตำรวจตรียิ่งยศ เทพจำนงค์ ในฐานะโฆษก ตร. พร้อมด้วย พลตำรวจตรีสมพร สัจพจน์ ผู้บังคับการกองสรรพวุธ สำนักงานส่งกำลังบำรุง ตัวแทนกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน หรือ อคฝ. และผู้แทนบริษัทจำหน่าย

พล.ต.ต.สมพร กล่าวว่า อุปกรณ์ที่ตำรวจใช้ในการควบคุมการชุมนุมที่ผ่านมาเป็นรถที่ใช้ฉีดน้ำ หรือรถควบคุมฝูงชน ใช้สำหรับยับยั้งกลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรง ซึ่งเป็นไปตามหลักสากล และตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ โดยไม่ทำอันตรายต่อผู้ชุมนุม ที่ผ่านมาเคยใช้งานในการชุมนุมในปี 2557 ของกลุ่ม กปปส. อีกทั้งยังเคยทดลองใช้กับตำรวจมาแล้วเช่นกัน


 การแถลงวันนี้ได้นำคลิปขณะทดลองใช้กับเจ้าหน้าที่มาเปิดให้สื่อมวลชนดูด้วย โดยตัวรถเป็นรถจากประเทศเกาหลี ในรถบรรจุน้ำได้ 12,000 ลิตร, โฟม 150 ลิตร สำหรับระดับควบคุมเพลิง, สีย้อม 100 ลิตร ที่ไม่มีอันตรายสำหรับแยกกลุ่มผู้ชุมนุม, แก๊สน้ำตาเหลวความเข้มข้น 5% จำนวน 100 ลิตร ตามมาตรฐานสากลซึ่งได้รับรองจากสถาบันต่างๆ

ด้านนายธนาวุฒิ ตรงวาณิชนาม ผู้แทนบริษัทจำหน่ายรถจีโน่ หรือรถฉีดแรงดันสูง ระบุว่า เป็นรถยี่ห้อจีโน่มอเตอร์ ซึ่งเป็นยี่ห้อเดียวกับที่ยูเอ็นใช้ และมีการใช้ในหลายประเทศทั่วโลก โดยก่อนจะเลือกรถรุ่นนี้ ผ่านการตรวจสอบมาแล้วว่ามีความปลอดภัย ตัวรถได้แยกบรรจุทั้ง น้ำเปล่า โฟม แก๊สน้ำตา และสีย้อม ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถผสมลงไปรวมกันได้ เพราะแต่ละส่วนที่จัดเก็บมีการแยกจำนวนชัดเจน อีกทั้งยังมีการควบคุมปริมาณของการฉีดออกไปอยู่ในเกณฑ์ที่มีปลอดภัยด้วย

อย่างไรก็ตาม หลังมีข่าวว่ามีคนแพ้สารสีม่วงที่ฉีดสกัดผู้ชุมนุม ทางบริษัทได้ส่งสารสีม่วง หรือเมทิลไวโอเลตทูบี ให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ทดสอบปริมาณแล้ว ซึ่งจะนำไปทดลองกับหนูตะเภา คาดจะทราบผลในเดือนมีนาคมปีหน้า


ด้านร้อยตำรวจเอกโสฬส ประยูรพิทักษ์ ผู้กำกับการกองกำกับการควบคุมฝูงชน 1 กองบังคับการอารักษ์ขาและควบคุมฝูงชน ได้อธิบายถึงขั้นตอนของการทำงานของรถควบคุมฝูงชนว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมและกำหนดการฉีดน้ำแต่ละครั้งได้ โดยสามารถเลือกน้ำเปล่า หรือเลือกน้ำเปล่าผสมสารเคมี ทุกครั้งที่มีการฉีดน้ำผสมสารเคมีไม่ว่าน้ำจะมากหรือน้อย เมื่อเทียบกับปริมาณแก๊สที่ใช้ แต่แก๊สน้ำตาที่ถูกผสมออกไปฉีดสู่ผู้ชุมนุมจะไม่เกินครั้งละ 3% ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผู้ชุมนุม สำหรับน้ำที่ใช้ในการชุมนุมทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา เป็นน้ำสะอาดที่ขอมาจากการประปานครหลวง และต่อตรงจากหัวจ่ายน้ำประปา ซึ่งได้ขอมาใช้จากเหตุการณ์ที่มีความฉุกเฉิน

สำหรับกรณีที่นักวิชาการตรวจสอบสารแล้วพบว่ามีการผสมสารหลายชนิดนั้น พลตำรวจตรียิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ชี้แจงว่า สารที่เก็บไปตรวจอาจไม่ได้มาจากแหล่งโดยตรง อาจเก็บจากตามพื้นไปตรวจสอบ อาจเกิดความคาดเคลื่อนได้ หากผู้ใดต้องการเข้าตรวจสอบจากต้นทาง กองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชนก็ยินดี

อย่างไรก็ตาม รถฉีดน้ำแรงดันสูง ยี่ห้อจีโน่ ที่ตำรวจใช้ทั้งหมดมี 4 คัน เสียหายจากการชุมนุมที่แยกเกียกกาย จำนวน 1 คัน เหลือใช้งานได้ 3 คัน.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เครื่องบินภูเก็ตมุ่งหน้ามอสโก ขอลงจอดฉุกเฉินที่สุวรรณภูมิ

เที่ยวบิน 777-300ER สายการบิน Aeroflot ขึ้นจากภูเก็ตไปมอสโก เตรียมลงสุวรรณภูมิ หลังบินวนกลางทะเลอันดามันหลายชั่วโมง จากปัญหาระบบลงจอดขัดข้อง

ไข้หวัดใหญ่ระบาด

ไข้หวัดใหญ่ระบาดในสหรัฐ-เสียชีวิตแล้ว 13,000 ราย

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ หรือซีดีซี รายงานว่า พบผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ในฤดูกาลนี้อย่างน้อย 24 ล้านคนแล้วทั่วสหรัฐ

ตัดไฟเมียนมา

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันปลดพนักงานแล้วกว่าร้อยคน

มาตรการตัดไฟเมียนมาได้ผล กลุ่มเว็บพนันออนไลน์และกลุ่มสแกมเมอร์ที่จังหวัดท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา ปลดพนักงานแล้วกว่า 100 คน เนื่องจากขาดแคลนกระแสไฟฟ้า ทำให้พนักงานทยอยเดินทางออกจากท่าขี้เหล็ก กลับมาทางด่าน อ.แม่สาย จ.เชียงราย อย่างต่อเนื่อง

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยอีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า-กทม.อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสานมีอากาศเย็นในตอนเช้า และอากาศร้อนในตอนกลางวัน ส่วนภาคกลาง รวม กทม.-ปริมณฑล และภาคตะวันออก อุณหภูมิสูงขึ้น 1-2 องศาฯ อากาศร้อนในตอนกลางวัน

ไฟไหม้วัดไทยในนิวยอร์ก เสียชีวิต 2 ราย

เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่วัดไทยในเขตบรองซ์ นครนิวยอร์ก ของสหรัฐ ช่วงเช้าวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น มีผู้เสียชีวิต 2 ราย หนึ่งในนั้นเป็นพระไทยที่จำพรรษาในวัด

ปฏิบัติการกวาดล้าง “คาวบอยบ่อแก้ว” แก๊งยาเสพติดรายใหญ่ภาคเหนือ

เจ้าหน้าที่เปิดปฏิบัติการกวาดล้างเครือข่าย “คาวบอยบ่อแก้ว” แก๊งขนยาเสพติดรายใหญ่ของภาคเหนือ พร้อมยึดทรัพย์สินกว่า 100 ล้านบาท หลังพบช่วง 2 ปีนี้ ขนไอซ์จากชายแดนลงไปภาคกลางไม่ต่ำกว่า 20 ครั้ง เฉพาะที่ถูกจับได้ 3 ครั้ง ยึดไอซ์ได้กว่า 3,000 กิโลกรัม