สภาไม่รับข้อสังเกตรายงาน กมธ.ศึกษาแนวทางนิรโทษกรรม

รัฐสภา 24 ต.ค.-สภาไม่รับข้อสังเกตรายงาน กมธ.ศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ส่งแต่ตัวรายงานให้ ครม. ด้านประธาน กมธ. ย้ำไม่มีเรื่องแก้ ม.112 เป็นเพียงเปิดทางรับทราบข้อเท็จจริง และสมัยประชุมหน้ามีร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมทางการเมืองรอ 4 ฉบับ

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ช่วงบ่ายวันนี้ (24 ต.ค.) มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณารายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญเพื่อศึกษาแนวทางการตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม


น.ส.ศศินันท์ ธรรมนิฐินันท์ กรรมาธิการฯ อภิปรายว่า การนิรโทษกรรมทางการเมืองเป็นเรื่องจำเป็นเร่งด่วนในยุคนี้ ในเมื่อนักการเมือง จับมือกันได้ ทำไมถึงมีปัญหากับการนิรโทษกรรมให้กับประชาชน ซึ่งการนิรโทษกรรมคือความหวังของพี่น้องประชาชน และเมื่อถามแกนนำผู้ชุมนุมทุกคน ที่มาชี้แจงต่อกรรมาธิการฯทุกคนเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมโดยรวมคดีมาตรา112 ซึ่งการนิรโทษกรรม ไม่ใช่การแก้ไขกฎหมาย หรือยกเลิกกฎหมาย แต่ทำให้ประชาชนได้กลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ และถ้าไม่รวม มาตรา112 ก็ไม่เห็นประโยชน์อะไร ที่จะมานิรโทษกรรม เพราะคดีส่วนใหญ่ที่ตนว่าความเกือบร้อยละ 90มาจากมาตรการตรา 112

นายชัยธวัช ตุลาธน กรรมาธิการฯ กล่าวว่า ในอดีตเราเคยมีการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 มาแล้ว กรณี 6 ตุลา ฯ แลัในข้อเท็จจริงปฏิเสธไม่ได้ว่า แม้จำนวนคดี112 อาจจะดูน้อย แต่คดีทางการเมืองที่เป็นความขัดแย้ง มีการโต้เถียงกัน มีข้อวิพากษ์วิจารณ์ว่ามีกระบวนการยุติธรรมมีปัญหา ไม่ได้รับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ในกระบวนการยุติธรรมอย่างที่ควรจะเป็นนั้น ล้วนแล้วแต่อยู่ที่คดีตามมาตรา 112 ทั้งสิ้น ปรากฏการณ์ที่เราถกเถียงกันในสภาในหลายครั้งก็สะท้อนชัดเจนว่า เรื่องคดีตามมาตรา 112 เป็นความขัดแย้งที่มีนัยสำคัญอย่างแหลมคมในการเมืองไทยในปัจจุบัน ดังนั้นหากเราไม่พิจารณานิรโทษกรรมตามคดี 112 ด้วย จะคลี่คลายความขัดแย้งได้จริงหรือไม่ จึงเป็นที่มาข้อเสนอทางเลือกอีกทางเลือกหนึ่งในรายงานนิรโทษกรรม ซึ่งเข้าใจฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดี 112 ทั้งหมดทีเดียวเลย กับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยด้วยเหตุผลต่างๆ จึงเป็นที่มาว่าเรามีพื้นที่ตรงกลางที่พอจะยอมรับร่วมกันได้หรือไม่ คือการพิจารณานิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 อย่างมีเงื่อนไข โดยมีคณะกรรมาธิการขึ้นมาพิจารณา


นายชัยธวัช กล่าวว่า เราให้อำนาจกับคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นมาตามกฎหมาย ในการตั้งกระบวนการกำหนดเงื่อนไข กำหนดมาตรการในการพิจารณาเป็นรายคดีว่าคดีตามมาตรา 112 แต่ละคดีมีรายละเอียดอย่างไร และควรจะให้สิทธิ์ในการพิจารณานิรโทษกรรมหรือไม่ เช่น รูปธรรม อาจจะเป็นกระบวนการที่ต้้งคณะกรรมการขึ้นมา เพื่อให้ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดได้มีโอกาสที่จะแถลงข้อเท็จจริง ว่าเหตุอะไรที่ทำให้พวกเขามีพฤติกรรมแบบนั้นจนถูกดำเนินคดี เพื่อเป็นโอกาสที่เรารับฟังผู้ที่ถูกกล่าวหาแล้วปรับความเข้าใจ ลดช่องว่างของความเข้าใจซึ่งกันและกันให้ได้มากที่สุด ให้ผู้ที่ถูกกล่าวหามีโอกาสสานเสวนากับผู้เห็นต่าง รวมถึงฝ่ายความมั่นคงและรัฐบาลในการรับฟัง ให้ข้อเท็จจริงอีกด้าน แลกเปลี่ยนความเห็นที่แตกต่างกัน เราอาจจะได้ข้อมูลและความเห็นที่เป็นประโยชน์ในการนำไปสู่ความปรองดอง สุดท้ายกระบวนการนี้ เราสามารถนำไปสู่การกำหนดเงื่อนไขได้ว่า ถ้ายอมที่จะเข้าสู่กระบวนการ พิจารณานิรโทษกรรม จะต้องกระทำการแบบไหนบ้าง ในช่วงเวลาที่กำหนด ระหว่างนั้นก็พัก การดำเนินคดี พักการรับโทษไปก่อน และเมื่อถึงเวลาก็สามารถเข้าสู่การนิรโทษกรรมได้อย่างสมบูรณ์ และเราอาจจะใช้โอกาสนี้ในการพลิกวิกฤตเป็นโอกาส ที่จะปกป้องส่งเสริมความมั่นคงของสถาบันพระมหากษัตริย์ในสังคมไทย

นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมาธิการฯ กล่าวว่า ต้องกล่าวถึงความเป็นมาก่อนที่จะมาเกิดรายงานนี้ พบว่ามีความขัดแย้งเกิดขึ้นหรือต่อเนื่องกันมา 20 ปี มีบางพรรค มีประชาชน เสนอร่างกฎหมายนิรโทษกรรมเข้ามาที่สภาแห่งนี้ มีการหารือกันพิจารณากันแล้ว เพื่อไทยได้ตัดสินใจว่าต้องการให้สส ทั้งหลายมีความคิดเห็น มีการศึกษากันอย่างให้จริงจังถ่องแท้เสียก่อน ที่จะไปพิจารณาร่างพระราชบัญญัติหล่านั้น พรรคเพื่อไทยจึงได้เสนอ ญัตติตั้งกรรมาธิการคณะนี้ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเพื่อไทยเป็นประธาน สมาชิกจากทุกพรรคเข้ามาเป็นกรรมาธิการฯ โดยไม่มีกรรมาธิการฯคนใดมีความเห็นหรือแสดงความเห็นแตกต่างว่าไม่เห็นชอบกับรายงาน จะมีความแตกต่างกันที่บันทึกไว้ ก็คือมีความเห็นต่อการนิรโทษกรรมคดีที่มีความอ่อนไหว ซึ่งเขาก็เปิดโอกาสให้กรรมาธิการแต่ละคนให้ความเห็นส่วนตัวเป็นบันทึกเอาไว้

นายจาตุรนต์ กล่าวว่า รายงานนี้ได้ตอบคำถามสิ่งที่ประชาชนต้องการ คือการคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งของสังคมไทยใน 20 ปีมานี้ เขาถึงได้บอกว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องแก้ไขความขัดแย้งที่มีมานาน การนิรโทษกรรมเป็นความจำเป็นเร่งด่วน อันจะนำมาซึ่งความปรองดองสมานฉันท์ และทำให้สังคมคืนสู่สภาพปกติ ถ้าเราไม่เห็นชอบข้อสังเกตเท่ากับเราไม่เห็นชอบกับข้อความนี้ แต่ข้อความนี้มันจะช่วยตอบคำถามแก้ปัญหาคลี่คลายความขัดแย้งทางสังคมได้ แม้แก้ไม่ได้หมด และการนิรโทษได้นำมาใช้หลายครั้ง เฉพาะปี 48 มาถึงปัจจุบัน มีการนิรโทษกรรม งคณะรัฐประหาร โดยนิรโทษกรรมให้ตนเองไปอย่างสบายสบาย และต้นเหตุทำให้มีผู้มาสนับสนุนการรัฐประหารก็เกิดเป็นคดีการเมือง มีผู้ต่อต้านการรัฐประหาร ก็เกิดเป็นคดีการเมือง มีผู้ไม่เห็นด้วยกับการปกครองของคณะรัฐประหารก็เป็นคดีที่เกิดจากแรงจูงใจทางการเมืองคณะรัฐประหาร นิรโทษตัวเองไปแล้ว แต่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายทุกฝ่ายยังต้องอยู่กับการถูกดำเนินคดีถูกลงโทษ ทั้งๆที่เป็นเรื่องคดีทางการเมือง กรรมาธิการบางคนอภิปรายว่า จะนิรโทษกรรมต้องยอมรับสารภาพว่าผิดเสียก่อน อันนั้นท่านเข้าใจผิด การนิรโทษกรรมในอดีตไม่ใช่อย่างนั้น การนิรโทษกรรมในอดีตในกรณีของ6ตุลา เขานิรโทษไม่ใช่ว่านักศึกษายอมรับกระทำผิด เพราะนักศึกษาไม่ได้ทำผิดอะไรเลย แต่เขาตั้งข้อหากล่าวหาร้ายแรงขึ้นศาลทหาร สุดท้ายพิจารณากันไปทั่วโลกประณามการรัฐไทยที่ไปทำอย่างนั้นกับนักศึกษาประชาชน ในที่สุดรัฐบาลในขณะนั้นจึงต้องนิรโทษกรรมทุกคนในเหตุการณ์ ซึ่งความจริงแล้วเป็นการนิรโทษผู้ที่สั่งให้ฆ่านักศึกษาประชาชนด้วยซ้ำ แต่ประชาชนได้ ด้วย


นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่จะใช้คำว่าคดีที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง กรณีนี้ ฟังดูแล้วมีผู้ห่วงว่า รายงานนี้จะทำให้เกิดการแก้ไขการนิรโทษ เรื่องที่เกี่ยวกับมาตรา112 ขอย้ำว่าไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับการนิรโทษคดี 112 วันนี้ไม่ใช่การเสนอพ.ร .บ. แก้ไขมาตรา 112 แต่ควรจะตั้งคำถามว่า คดีเกี่ยวกับมาตรา 112 เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมือง หรือความขัดแย้งในสังคมไทยหรือไม่ ถ้ามีเรื่องความขัดแย้งทางการเมืองและความขัดแย้งทางสังคมที่ไปโยงกับมาตรา112 เราจะแก้ปัญหาความขัดแย้งทางสังคมกันอย่างไร แล้วจะทำยังไงกับการบังคับใช้กฎหมายนี้ เป็นเรื่องที่ต้องศึกษากันต่อ และไม่ใช่ว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นวาระโอกาสที่พรรคการเมืองจะมาแข่งกัน แสดงความจงรักภักดี ว่าจะเห็นด้วยกับการนิรโทษก็แสดงว่าไม่จงรักภักดี

ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะกรรมาธิการฯ กล่าวว่า รายงานนี้มิใช่การเสนอกฎหมาย ว่าจะนิรโทษกรรมการกระทำอะไรมาตราอะไร เข้าใจว่า หลายท่านที่อภิปรายไป คงเข้าใจตรงกันแล้วว่า รายงานนี้เป็นเพียงการศึกษาหาแนวทางในการตรากฎหมายหรือตราพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมว่ามาควรจะเป็นอย่างไร จะนิรโทษกรรมการกระทำอะไรบ้าง แต่โดยนัย มีความหมายเรื่องแรกก็คือ ให้มีการนิรโทษกรรมการกระทำทางการเมือง ที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา ซึ่งทุกคนเห็นด้วย คือวไม่ได้ฟันธงเรื่องว่าจะมีนิรโทษกรรม มาตรา 112 หรือไม่ เป็นเพียงความเห็นกว้างๆ 3 ทาง และเราสรุปไว้ในข้อสรุปท้ายว่า เรื่องนี้ยังเป็นประเด็นอ่อนไหว ยังมีความเห็นขัดแย้ง ตนคิดว่าโดยส่วนตัวของกรรมาธิการฯมีความรู้สึกว่าประเด็นใดที่ยังไม่มีข้อยุติ ทางออกของประเทศที่ดีที่สุดก็คือการรับรู้รับทราบ ข้อเท็จจริงทุกฝ่ายว่าเขามีความเห็นอย่างไร ท้ายสุดแล้วถ้าเราไม่ทราบข้อเท็จจริง ไม่รับทราบเหตุการณ์การกระทำที่เกิดขึ้นทั้งหลาย ผลสุดท้ายจะกลายเป็นว่า ว่าเราจะตรากฎหมายโดยไม่รอบคอบ ไม่ระมัดระวัง และจะกลายเป็นปัญหาของสังคมในอนาคต ความจริงตนเชื่อว่ารายงานเนี้เป็นประโยชน์สำหรับสมาชิกที่จะนำไปศึกษา ที่ประกอบการพิจารณา ว่าถ้าเราจะตรากฎหมายนิรโทษกรรม แล้วควรจะคำนึงถึงอะไรบ้าง ควรจะมีสาระสำคัญอย่างไร

นายชูศักดิ์ กล่าวด้วยว่า อย่างน้อยที่สุด เปิดประชุมสมัยหน้ามา จะมี ร่างกฎหมาย 4 ร่างกฎหมาย ที่พวกเราคงจะต้องมาพิจารณาร่วมากันอีกครั้งหนึ่ง โดยมีร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่บุคคลลซึ่งได้กระทำความผิดอันเนื่องมาจากเหตุการณ์ขัดแย้งทางการเมือง พ ศ เสนอโดยนายชัยธวัช ตุลาธน มีร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสันติสุข ของนายปรีดา บุญเพลิง ร่างพ.ร.บ. สร้างเสริมสันติสุข พ.ศ. ของนายพิชัย สุขสวาสดิ์ และร่างพระราชบัญญ.การนิรโทษกรรมประชาชน เสนอโดยนายพูนสุข พูนสุขเจริญ กับประชาชน 36,400 กว่าคน ซึ่งร่างกฎหมายเหล่านี้อยู่ในระเบียบวาระ

ภายหลังเปิดให้กรรมาธิการและสมาชิกชี้แจง สุดท้ายที่ประชุมฯ ได้ลงมติเกี่ยวกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ ปรากฎว่า ที่ประชุมเสียงข้างมาก มีมติ 268 ต่อ 149 เสียง ไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการฯ โดยมีผู้งดออกเสียง 5 คน ทำให้ข้อสังเกตตกไป โดยสภาจะส่งเฉพาะรายงานให้ ครม.เท่านั้น

ทั้งนี้ ในช่วงท้ายก่อนการลงมติ บรรยากาศภายในห้องประชุมเป็นไปอย่างเข้มข้น เมื่อนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมได้ให้สมาชิกแจ้งว่ามีใครไม่เห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการหรือไม่ พร้อมกับผู้รับรอง

ทำให้ นพ.ชลน่าน สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วง และแย้งว่า ประธานฯ ทำผิดข้อบังคับ เพราะเมื่อสภาฯ มีข้อสังเกตต้องให้ลงมติ ไม่ใช่เสนอญัตติ โดยจะต้องถามว่าใครเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบ ปรากฏว่า นายพิเชษฐ์ได้โต้แย้งอย่างมีอารมณ์ว่า ก็ลงมติไงครับ จนนายแพทย์ชลน่าน ชี้หน้าว่า “หากท่านทำไม่ได้ก็เปลี่ยนให้รองประธานสภาฯ คนที่ 2 เถอะครับ” ซึ่งนายพิเชษฐ์ ได้กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่าไม่ต้องชี้หน้า.-312.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

ฝนถล่มเชียงใหม่ ประกาศปิดน้ำตกแม่สา ส่วนวัดผาลาด เตือนน้ำป่าหลาก

เชียงใหม่ 22 ก.ย.-ฝนถล่มเชียงใหม่ อุทยานฯ ดอยสุเทพ-ปุย ประกาศปิดน้ำตกแม่สา อ.แม่ริม ชั่วคราว หลังน้ำป่าไหลหลาก ส่วนวัดผาลาด แจ้งเตือนชาวบ้านรับมือน้ำป่าหลากลงน้ำตกผาลาด ช่วงบ่ายวันนี้ ( 22 กันยายน) เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ของจังหวัดเชียงใหม่ เพจเฟซบุ๊ก อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ได้โพสต์ข้อความประกาศปิดน้ำตกแม่สา ในอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ชั่วคราว เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว เนื่องจากเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากลงมาจนน้ำมีสีน้ำตาลขุ่น กระแสน้ำไหลแรงและเชี่ยวกราก โดยจะปิดน้ำตกแม่สาตั้งแต่วันนี้จนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ ขณะที่พระมหาสง่า ไชยวงค์ เจ้าอาวาสวัดผาลาด ก็ได้โพสต์คลิปภาพวิดีโอ พร้อมข้อความ “มวลน้ำจากยอดดอยกำลังผ่านวัดผาลาด ญาติโยมด้านล่างช่วงนี้ก็เฝ้าไว้เน้อ” ซึ่งทางวัดผาลาดจะมีการแจ้งเตือนชาวบ้านที่อยู่ใกล้ทางน้ำไหลน้ำตกผาลาด และบริเวณเชิงดอยสุเทพในตัวเมืองเชียงใหม่ ให้เฝ้าระวังน้ำป่าที่ไหลผ่านวัดลงสู่ด้านล่างทุกครั้ง สำหรับวัดผาลาดตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นดอยสุเทพ และมีน้ำตกผาลาดไหลผ่านพื้นที่วัดช่วงที่เกิดฝนตกหนัก จะมีน้ำป่าไหลหลากจากบนดอยสุเทพผ่านน้ำตกผาลาด ก่อนจะไหลลงสู่พื้นที่ตัวเมืองเชียงใหม่.-สำนักข่าวไทย

กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ชี้ JBC รับรองแล้ว

กทม. 22 ก.ย.- กองทัพไทย ย้ำบ้านหนองหญ้าแก้วอยู่เขตแดนไทย ไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อน ชี้ JBC รับรองแล้ว สอดคล้อง MOU 2543 พล.ต.วิทัย ลายถมยา โฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย เปิดเผยถึงประเด็นหลักเขตแดนที่ 42 และ 43 ในพื้นที่ อ.โคกสูง จ.สระแก้วว่า หลักเขตแดนที่ 42 ตั้งอยู่ที่บ้านหนองหญ้าแก้ว (บ้านไปรจัน) ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว และหลักเขตแดนที่ 43 ตั้งอยู่ที่บ้านโนนหมากมุ่น ต.โคกสูง อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยการกำหนดแนวเขตแดนในพื้นที่ดังกล่าวเป็นเส้นตรงจากหลักเขตแดนที่ 41 มายังหลักเขตแดนที่ 42 และต่อเนื่องไปยังหลักเขตแดนที่ 43 จากนั้นแนวเขตแดนจะไปตามคลองระลมระสือจนถึงหลักเขตแดนที่ 44 สำหรับกระบวนการสำรวจ ชุดสำรวจร่วมไทย–กัมพูชาได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของ TOR คือ การสำรวจสภาพ และที่ตั้งของหลักเขตแดนทั้งหมด 74 หลัก ตั้งแต่ปี พ.ศ. […]

ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบกองปราบ

22 ก.ย.- ทีมทนายวัดนาป่าพง หอบเอกสารเข้าพบพนักงานสอบสวนกองปราบ ขณะที่สีกาเยอรมนีเตรียมนั่งเครื่องเข้าพบตำรวจ 2 ต.ค.นี้ หลังจากที่นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี พร้อมทีมทนายความ ได้มีการตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงประเด็นที่ น.ส.ทองใหม่ ขวัญหมื่น หรือ ทนายอุ้ม ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากสีกาจากประเทศเยอรมนี เข้ามาร้องเรียนที่กองบังคับการปราบปราม กล่าวหาว่า พระคึกฤทธิ์ ยักยอกเงินวัด ก่อนนำมาฟอกกับมูลนิธิพุทธวจนที่ประเทศเยอรมนีนั้น ความเคลื่อนไหวล่าสุดวันนี้ (22 ก.ย.68) เวลา 10.00 น. ที่กองบังคับการปราบปราม กองกำกับการ 2 นายนันทน อินทนนท์ ทนายความวัดนาป่าพง จ.ปทุมธานี และทีมทนายความ ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน โดยนำเอกสารเป็นพยานหลักฐานเกี่ยวกับเส้นเงิน เงินบริจาคภายในวัด มามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อชี้แจงในประเด็นต่างๆ โดยใช้เวลาในการชี้แจงกับพนักงานสอบสวนไม่ถึง 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับทันที และไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด หลังจากนั้นทีมข่าวได้ติดต่อไปที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบเส้นทางการเงินของวัดนาป่าพง โดยเฉพาะเงินที่เปิดรับบริจาคทั่วประเทศ หากตรวจสอบแล้วพบว่ามีความผิดจริง […]

อยุธยาอ่วม! มัสยิด-บ้านริมน้ำเจ้าพระยา ถูกน้ำท่วมสูง

อยุธยา 22 ก.ย. – จ.พระนครศรีอยุธยา อ่วม! น้ำท่วมขยายวงกว้างครอบคลุม 8 อำเภอ ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะมัสยิด ระดับน้ำเพิ่มสูงต่อเนื่อง ขณะที่เขื่อนป่าสักชลฯ เตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำอีกตั้งแต่ 24 ก.ย.นี้ เตือนน้ำล้นตลิ่งพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายเขื่อน สถานการณ์น้ำท่วมใน จ.พระนครศรีอยุธยา ขยายวงกว้างครอบคลุม 8 อำเภอ 103 ตำบล 626 หมู่บ้าน รวมกว่า 31,227 ครัวเรือน ได้รับผลกระทบ โดยพื้นที่ ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะมัสยิดดารุซซุนนะห์ ซึ่งอยู่นอกคันกั้นน้ำ ถูกน้ำเอ่อท่วมและระดับน้ำยังเพิ่มสูงต่อเนื่อง ชาวบ้านสัญจรลำบาก บางจุดต้องใช้เรือ ต้องเดินลุยน้ำเข้า-ออกบ้านและมัสยิด ขณะที่องค์การบริหารส่วนตำบลภูเขาทอง เร่งนำไม้มาทำสะพานชั่วคราว ให้ประชาชนเดินเข้ามัสยิดเพื่อประกอบพิธีละหมาดได้ พร้อมเร่งตัดต้นไม้และกำจัดวัชพืช ให้เรือสัญจรได้สะดวก และเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำใกล้ชิด เนื่องจากระดับน้ำเจ้าพระยายังมีแนวโน้มสูงต่อเนื่อง นายธีรยุทร อายุ 43 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เล่าว่า บ้านถูกน้ำท่วมเกือบถึงเอว ลำบากมาก […]