รมว.เกษตรฯ ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจันทบุรี-ตราด

29 ก.ค. – รมว.เกษตรฯ ลงพื้นที่จันทบุรี-ตราด ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม เน้นย้ำทุกหน่วยงานต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ด้าน จ.จันทบุรี เฝ้าระวังพิเศษ หลัง ปภ.เปลี่ยนขึ้นธงแดง


ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.จันทบุรี และ จ.ตราด หลังเกิดภาวะฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ ต.ปีถวี ตลอดจน 2 วันที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำป่าไหลหลาก และน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชน พื้นที่ทางการเกษตรได้รับผลกระทบทั้งหมด 12 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อนประมาณ 1,500 คน 600 ครัวเรือน และมีผู้เสียชีวิต 1 ราย ความเสียหายที่เกิดจากน้ำป่าไหลหลาก ประกอบด้วย สะพานจำนวน 4 แห่ง และท่อลอดเหลี่ยม จำนวน 3 แห่ง

ส่วนราชการ เหล่ากาชาดจันทบุรี รวมกัน มอบถุงยังชีพ จำนวน 50 ชุด น้ำดื่ม 1,000 แพ็ก ให้กับผู้ประสบภัย ตลอดจนมอบเงินช่วยเหลือช่วยงานบำเพ็ญกุศลศพให้กับ นายกิตติศักดิ์ และ นส.วารุณี ที่ต้องสูญเสียบุตรสาววัย 11 ปี จากเหตุอุทกภัยครั้งนี้


ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ได้เน้นย้ำสั่งการให้รองอธิบดีกรมชลประทาน กำกับดูแลการบริหารจัดการน้ำของ 2 จังหวัด โดยให้ถอดบทเรียนจาก จ.ตราด ที่มีปัญหาในระบบการแก้ไขป้องกันสถานการณ์น้ำ ที่ผ่านมาได้กำชับให้รองอธิบดีกำกับดูแลพื้นที่อย่างเอาจริงเอาจัง และติดตามสถานการณ์เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด พร้อมได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เกษตรอำเภอ, เกษตรจังหวัด ออกสำรวจความเสียหายของพี่น้องประชาชน ไม่ว่าจะเป็นพืชไร่พืชสวน ประมง ปศุสัตว์ โดยภาครัฐจะได้เข้าเยียวยาดูแล

สถานการณ์น้ำจันทบุรี เฝ้าระวังพิเศษหลัง ปภ.เปลี่ยนขึ้นธงแดง

สถานการณ์น้ำท่วม น้ำเอ่อล้นตลิ่ง จากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ จ.จันทบุรี ยังไม่คลี่คลาย ศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ จ.จันทบุรี ได้ดำเนินการเปลี่ยนจากธงสีเหลือง ติดธงแดง ที่บริเวณสะพานแม่น้ำจันทบุรี เพื่อแจ้งเตือนประชาชนริมฝั่งแม่น้ำเฝ้าระวังพิเศษ และเตรียมยกของขึ้นที่สูง


ขณะที่มวลน้ำเริ่มส่งผลกระทบต่อชุมชนที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำบางส่วนแล้ว อาทิ บ้านลุ่ม, หัวแหลม พื้นที่ลุ่มต่ำริมคลองฝั่งจันทนิมิตร คลองขี้หนอน ส่วนด้านนอกอำเภอขลุง, อำเภอมะขาม , อำเภอเขาคิชฌกูฏ, อำเภอนายายอาม, อำเภอท่าใหม่ ตำบลแสลง อำเภอเมือง มีน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มต่ำ และสวนผลไม้ได้รับความเสียหาย

หลังวันที่ 27-28 กรกฎาคม ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ปริมาณน้ำฝนสะสมในรอบ 24 ชั่วโมง มากกว่า 340 มิลลิเมตร ในพื้นที่อำเภอมะขาม, อำเภอเมืองจันทบุรี, อำเภอขลุง และอำเภอโป้งน้ำร้อน ทำให้มวลน้ำจำนวนมากหลากเข้าท่วมฉับพลันในพื้นที่ทั้ง 4 อำเภอ ส่งผลกระทบต่อประชาชนรวม 16 ตำบล 74 หมู่บ้าน 7 ชุมชน 33,397 ครัวเรือน 9,130 ราย พื้นที่การเกษตรได้รับผลกระทบกว่า 41,222 ไร่

ปัจจุบันสถานการณ์รอบนอกได้เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติในหลายพื้นที่ แต่ยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในเขตเศรษฐกิจเมืองจันทบุรี ริมแม่น้ำจันทบุรี ที่ต้องเปลี่ยนธงสัญลักษณ์ เป็นสีแดง เพื่อการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ลุ่มริมแม่น้ำจันทบุรี ลดความสูญเสียสามารถให้ความช่วยเหลือ เยียวยา และฟื้นฟูให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้อย่างรวดเร็ว .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

อดีตครูจำใจสร้างห้องขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา

สลด! อดีตครูวัย 64 ปี จำใจจ้างช่างทำห้องคล้ายกรงขังในบ้าน เตรียมคุมลูกติดยา-พนันออนไลน์ หลังส่งตัวบำบัดกว่า 10 ครั้ง แต่ออกมาก็เหมือนเดิม

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2

หนุ่มใหญ่ควบเก๋งเผลอเหยียบผิดพุ่งทะลุกำแพงอาคารจอดรถดิ่งตกจากชั้น 2 โชคดีบาดเจ็บเล็กน้อย เจ้าหน้าที่ส่งรักษาตัวที่ รพ.เจ้าพระยา

อาม่าแจ้งความ “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธีสูญ 60 ล้าน

อาม่าวัย 77 ปี โร่แจ้งความเอาผิด “หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง” หลอกทำพิธี-แนะซื้อวัตถุมงคลแล้วไม่ได้รับของ สูญเงินกว่า 60 ล้านบาท

ข่าวแนะนำ

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” ปรากฏตัวแล้ว บอกไม่สบายใจมี ตร.เฝ้าหน้าบ้าน

ปรากฏตัวแล้ว “ทนายตั้ม” พบตำรวจเหตุมีเจ้าหน้าที่ไปเฝ้าที่บ้าน พร้อมแจงปมเงิน 39 ล้านบาท ค่าศิลปินจีน ที่แท้เป็นมิจฉาชีพหลอก “เจ๊อ้อย” ปฏิเสธพบคู่กรณี บอกยังไม่พร้อมคุย

เกาะกูด

“ภูมิธรรม” ย้ำจะรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

“ภูมิธรรม” มอง MOU44 คือกลไกที่ดีที่สุด ก่อนย้อนกลุ่มการเมือง พปชร.ไปถามหัวหน้าพรรคตัวเอง เพราะเป็นคนนำเจรจาในปี 57 ยันไม่เคยยกเลิกในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ย้ำรัฐบาลจะรักษาดินแดน-ผลประโยชน์ทางทะเลของไทยไว้เท่าชีวิต

US election

ทรัมป์-แฮร์ริส หาเสียงวันสุดท้าย ก่อนหย่อนบัตรวันนี้

ขณะนี้เหลือไม่ถึง 24 ชั่วโมงก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 5 พฤศจิกายน ผลสำรวจความเห็นประชาชนต่างชี้ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ และนางคอมมาลา แฮร์ริส