กทม. 3 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงหลังสอบปากคำ ผู้ต้องหา 3 ราย ในคดีพยายามลอบสังหาร “เสี่ยต้น” ภรรยา ยังให้การภาคเสธ ยอมรับมีปัญหาในครอบครัว ส่วนเรื่องอื่นขอให้การในชั้นศาล
เวลา 14.15 น. พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในนครบาล เปิดเผยภายหลังการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ในคดีพยายามลอบสังหาร “เสี่ยต้น” โดยผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า สำหรับคดีนี้ พนักงานสอบสวนใช้เวลาในการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งพยานบุคคล พยานเอกสาร รวมถึงพยานแวดล้อม จนสามารถขออำนาจศาลออกหมายจับผู้ต้องหาได้จำนวน 4 คน ประกอบด้วย ผู้จ้างวาน คือ ภรรยาของผู้ตาย มือปืน คนขับรถให้มือปืน คนจัดหาอาวุธปืนและมือปืน
ขณะนี้สามารถจับกุมตัวได้แล้ว จำนวน 3 คน เหลือมือปืนที่กำลังหลบหนีเพียงคนเดียว เชื่อว่าคดีนี้มีความเชื่อมโยงกับคดีการเสียชีวิตปริศนาในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งขณะนี้ทางตำรวจภูธรภาค 4 อยู่ระหว่างดำเนินการสืบสวนสอบสวนคดีดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 นายสาโรจน์ ระบุว่า ได้รับค่าจ้างจากผู้จ้างวาน เป็นเงินกว่า 300,000 บาท โดยตนเองทำหน้าที่จัดหามือปืน รวมถึงอาวุธปืน ซึ่งหลังทำงานเสร็จ ได้รับเงินไปแล้ว เป็นเงินสดและเงินโอนเข้าบัญชีเกือบ 400,000 บาท
ขณะที่นายวีรภัทร ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้กับมือปืน ระบุว่า ตนได้รับการติดต่อจากนายสาโรจน์ ให้ไปช่วยติดตามแฟนสาว ซึ่งคาดว่าอยู่กับชายอื่น หากเจอให้ทำร้ายร่างกายเพื่อให้เข็ดหลาบ ตกลงค่าจ้างกันที่ 4,000 บาท แต่เมื่อถึงเวลานัดหมาย มือปืนกลับส่งอาวุธปืนให้นายวีรภัทร ซึ่งนายวีรภัทรก็ตกใจ รู้สึกไม่สบายใจและรู้ว่าไม่ธรรมดาแล้ว จึงจะนำอาวุธปืนไปซ่อนในพงหญ้าข้างทาง แต่มือปืนไม่พอใจและขออาวุธปืนไปถือเอง นายวีรภัทร ยังอ้างอีกว่า หลังได้อาวุธปืน เริ่มรู้สึกเอะใจ และไม่สบายใจ จึงตัดสินใจขับช้าๆ และออกทางซ้ายของตัวรถ เพื่อให้ยากต่อการก่อเหตุยิง ซึ่งเป็นไปตามคาด เพราะกระสุนพลาดเป้า
ภรรยาของผู้ตาย ซึ่งเป็นผู้จ้างวาน ยังคงให้การภาคเสธ ยอมรับว่ามีปัญหาความขัดแย้งภายในครอบครัว แต่ปฏิเสธไม่ขอพูดถึงเรื่องอื่น ขอให้การในชั้นศาล ซึ่งจากแนวทางการสืบสวน ผู้จ้างวานประสงค์ต่อชีวิตของผู้ตาย โดยมีปัจจัยสนับสนุนในเรื่องอื่นๆ ทั้งเรื่องของทรัพย์สินและกรมธรรม์ประกันชีวิต
รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังกล่าวอีกว่า สำหรับคดีนี้ มีพฤติการณ์บางอย่างที่ตำรวจไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลต่อสื่อมวลชนได้ เพราะเกรงว่าจะเป็นเยี่ยงอย่างให้เกิดการลอกเลียนแบบ จนนำไปก่ออาชญากรรมอื่นๆ อีกได้
ทั้งนี้ หลังสอบปากคำเสร็จสิ้น พนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง จะรับตัวไปควบคุม ในฐานะเจ้าของคดี.-414-สำนักข่าวไทย