11 เม.ย. – กทม. เข้าตรวจสอบบริเวณรอบโรงงานย่านบางซื่ออีกครั้ง หลังวานนี้ (10 เม.ย.) พบกากแคดเมียม 150 ตัน และประกาศเป็นพื้นที่อันตราย ขณะที่โรงงานเดิมที่สมุทรสาคร พบเพิ่มอีกกว่า 3,000 ตัน ทำให้ล่าสุดพบกากแคดเมียมแล้วกว่า 12,500 ตัน จากทั้งหมด 13,800 ตัน แต่หากคิดจากการสูญเสียความชื้นคาดว่าใกล้ครบแล้ว
เจ้าหน้าที่กลุ่มอนามัย กรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำและดินบริเวณโรงงานย่านบางซื่อ ที่พบกากแคดเมียม เมื่อวานนี้ (10 เม.ย.) รวมถึงพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งการเข้าพื้นที่ต้องแสดงบัตรประจำตัวคัดกรองผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องเท่านั้น เนื่องจากโรงงานดังกล่าวอยู่ภายใต้ประกาศการควบคุมอาคาร ขณะที่กากแคดเมียมที่พบเมื่อวาน (10 เม.ย.) 150 ตัน มีคำสั่งอายัดห้ามเคลื่อนย้ายติดประกาศไว้ที่ถุงบิ๊กแบ็กด้วย
นายแพทย์นิธิรัตน์ บุญตานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาสุขภาวะเขตเมือง เปิดเผยว่า วันนี้เจ้าหน้าที่มุ่งเก็บตัวอย่างน้ำใช้ น้ำดื่ม และน้ำทิ้ง ในรัศมีใกล้เคียงโรงงาน 1 กิโลเมตร ก่อนตรวจสอบระบบระบายท่อน้ำทิ้ง เนื่องจากพบว่าโรงงานแห่งนี้มีท่อระบายน้ำทิ้งเชื่อมต่อไปที่แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งต้องดูว่ามีระบบการคัดกรองหรือบำบัดน้ำเสียหรือไม่ จึงอยากให้ประชาชนที่อาศัยใกล้เคียงแม่น้ำเจ้าพระยาหลีกเลี่ยงการใช้น้ำตามแหล่งน้ำธรรมชาติไปก่อน จนกว่าจะมีผลตรวจยืนยันอีกครั้ง
ส่วนพนักงานของโรงงานแห่งนี้จะมีการตรวจหาสารแคดเมียมในร่างกาย จากข้อมูลยังไม่มีการซักประวัติอย่างละเอียดว่ามีกลุ่มไหนที่มีความเสี่ยงบ้าง แต่โดยรอบพื้นที่เป็นโรงงานทั้งหมดในรัศมี 1 กิโลเมตร จึงทำให้กลุ่มเสี่ยงน่าจะอยู่ที่พนักงานของโรงงานดังกล่าวเท่านั้น เนื่องจากชาวบ้านอยู่ไกลออกไป หากไม่พบว่าโรงงานแห่งนี้เคยถลุงก็จะไม่ฟุ้งกระจายไปในอากาศ ซึ่งจะไม่มีความเสี่ยงเท่ากับผู้ที่สัมผัส
ขณะที่ชาวบ้านบริเวณปากซอยของโรงงานจุดพบแคดเมียม ยอมรับว่ากังวลใจอย่างมาก เพราะติดตามข่าวสารเคมีอันตรายนี้มาตลอด แต่ไม่คิดว่าจะมาอยู่ใกล้บ้านตัวเอง อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดแพทย์มาตรวจหาแคดเมียมในร่างกายชาวบ้าน และรีบย้ายกากแคดเมียมออกจากพื้นที่โดยเร็ว
สำหรับโรงงานแห่งนี้ประกอบกิจการรับซื้อและขายเศษเหล็กทุกชนิด ส่วนหน้าโรงงานยังเปิดทำการตามปกติ แต่ตัวอาคารถูกปิดกั้นตามคำสั่งเขตบางซื่อ ห้ามเข้าไปอยู่อาศัยหรือดำเนินกิจการใดๆ ในพื้นที่ โดยซอยเข้าไปโรงงานไม่มีบ้านเรือนประชาชน เนื่องจากด้านในเป็นลานจอดรถของสำนักงานสิ่งแวดล้อม กทม. ซึ่งจะมีรถเจ้าหน้าที่และรถขยะของ กทม. ผ่านเข้าออกตลอดทั้งวัน
โรงงานย่านบางซื่อพบแคดเมียม โยงโรงงานสมุทรสาคร
ย้อนกลับไปเมื่อวานนี้ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. เข้าตรวจสอบในโรงงาน ในซอยเวียงปรีชาถนนประชาราษฎร์ เขตบางซื่อ หลังได้รับรายงานว่าพบกากแคดเมียม ในโรงงานดังกล่าว มีนางวรรณา อายุ 65 ปี ภรรยาของนายเจษฎา หุ้นส่วนบริษัท เจแอนด์บี เมทอล จำกัด ที่พบแคดเมียมแห่งแรกที่สมุทรสาคร รับเป็นเจ้าของโรงงานแห่งนี้ จึงตรวจยึดกากแคดเมียม พร้อมทั้งแจ้งข้อหา “ครอบครองวัตถุอันตรายไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต”
นางวรรณา ให้การว่า กากแคดเมียมที่พบในโรงงานจะนำไปไว้ที่โกดังบริษัท เจแอนด์บีฯ แต่มาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน ส่วนตัวสามีหลังจากที่เกิดเรื่องยังไม่เจอกัน
สำหรับนายเจษฎา หุ้นส่วนของบริษัท เจแอนด์บี เมทอล จำกัด ตำรวจออกหมายเรียกให้ไปพบที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในวันนี้ ล่าสุดเลื่อนเข้าให้ปากคำเป็น 18 เม.ย.นี้
ด้านนางสางพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ซึ่งลงพื้นที่ตรวจสอบพร้อมนายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า เป็นแคดเมียมที่ขนย้ายเข้ามาตั้งแต่เดือนตุลาคมปีที่แล้ว ตอนนี้มีแนวทางการทำงาน คือ สืบสวนสอบสวนการได้มาซึ่งกากแคดเมียม ว่ามีการขุดขึ้นมาเท่าไร และได้รับอนุญาตจากใคร มีใครเป็นผู้ครอบครองบ้าง และจำนวนเท่าไร รวมถึงเชิญบริษัทที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาหารือแนวทางเรื่องความรับผิดชอบหลังจากนี้ ซึ่งจะต้องดำเนินการขนย้ายกากแคดเมียมกลับไปยังต้นทางและฝังกลบ ส่วนกรณีหากตรวจสอบพบเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องดังกล่าว ยืนยันว่าจะดำเนินการลงโทษโดยไม่มีละเว้น
ขณะที่ผู้ว่าฯ กทม. ให้ข้อมูลว่าในภาพรวมทั้ง กทม. พบโรงเคลือบโลหะ 154 แห่ง โรงหลอมโลหะ 98 แห่ง จึงได้ออกคำสั่งให้ตรวจทั้งหมด
ตรวจซ้ำโรงงานสมุทรสาคร พบแคดเมียมซุกซ่อนเพิ่มอีก
ส่วนที่สมุทรสาคร นายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นำคณะเข้าตรวจสอบกากแคดเมียม ที่บริษัท เจ แอนด์ บี เมทอล โรงงานแห่งแรกที่พบกากแคดเมียมซ้ำอีกครั้ง จากการตรวจค้นโดยละเอียดพบว่ายังมีกากแร่แคดเมียมอยู่ในถุงบิ๊กแบ็กอีกจำนวนมาก ทั้งในและนอกตัวอาคาร เจ้าหน้าที่จึงอายัดไว้ทั้งหมด
ก่อนที่ปลัดอุตสาหกรรมฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร พร้อมด้วยคณะกรรมการร่วม 6 หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมร่วมกันติดตามสถานการณ์กากแคดเมียม ตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี ประมาณการได้ว่าพบกากแคดเมียมแล้วกว่า 12,000 ตัน โดยจะกลับไปสู่หลุมฝังกลบที่จังหวัดตาก คาดว่าจะเริ่มเคลื่อนย้ายตามแผนที่วางไว้หลังเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งการจราจรไม่หนาแน่นมาก ตอนนี้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้มีการวางแผนให้รัดกุมที่สุด เพื่อให้กระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด หรือต้องไม่เกิดผลกระทบใดๆ
สรุปข้อมูลจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม เมื่อวานพบเพิ่มอีก 2 จุด คือ ที่บริษัท เจแอนด์บี จ.สมุทรสาคร 3,000 ตัน และที่กรุงเทพฯ 150 ตัน ปริมาณกากตะกอนเเคดเมียมที่ตรวจพบ และตรวจนับใหม่ทุกจุด มีทั้งสิ้น 12,534.61 ตัน จากจำนวนกากอุตสาหกรรมที่มีส่วนผสมของแคดเมียมทั้งหมด 13,800 ตัน เหลือที่ต้องค้นหาอีกประมาณ 1,000 ตัน แต่หากคิดจากการสูญเสียความชื้นคาดว่าใกล้ครบแล้ว
ชาวบ้านยื่นค้านขนย้ายกากแคดเมียมกลับ
ขณะที่ชาวบ้านตำบลหนองใต้ จังหวัดตาก กว่า 200 คน ซึ่งอยู่รอบๆ โรงงาน เข้ายื่นหนังสือต่อกรรมาธิการที่ดินสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ ที่ลงพื้นที่ตรวจสอบ เพื่อคัดค้านการขนย้ายกากแคดเมียมกลับมากักเก็บไว้ที่เดิม.-สำนักข่าวไทย