นัดชี้ชะตา “พิธา-ก้าวไกล” หาเสียงแก้ ม.112 ล้มล้างการปกครองหรือไม่

ศาลรัฐธรรมนูญ 31 ม.ค.- ศาลรัฐธรรมนูญ นัดชี้ชะตา “พิธา-ก้าวไกล” หาเสียงแก้ ม.112 ล้มล้างการปกครองหรือไม่ สั่งคุ้มเข้มความปลอดภัยสูงสุด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญนัดแถลงด้วยวาจา ประชุมปรึกษาหารือ ลงมติและอ่านคำวินิจฉัย ในเวลา 14.00 น. กรณีที่ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร อดีตทนายความของอดีตพระพุทธะอิสระ ขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ว่าการกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้น และพรรคก้าวไกล เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมาย เพื่อยกเลิกมาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่ โดยคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ได้เริ่มประชุมหารือ แถลงด้วยวาจา ลงมติ และจัดทำคดีวินิจฉัยในเวลา 09.30 น.ที่ผ่านมา

โดยบรรยากาศหน้าศาลรัฐธรรมนูญวันนี้(31 ม.ค.)ในช่วงเช้า ยังเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีกลุ่มมวลชนใดมาชุมนุม มีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คอยรักษาความสงบเรียบร้อยตามปกติ โดยมีการนำแผงเหล็กมากั้นตลอดแนวด้านหน้าสำนักงาน เจ้าหน้าที่หรือบุคคลที่จะเข้าออกตัวอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ที่ตั้งของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จะต้องติดบัตรแสดงตน หรือแลกบัตรตามประกาศพื้นที่ควบคุม


ทั้งนี้ ในเวลา 10.40 น.เริ่มปรากฏกลุ่มประชาชนจำนวนหนึ่งที่มาสังเกตุการณ์และให้กำลังใจพรรคก้าวไกล รวมถึงรอฟังคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ ที่หน้าอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์เดช โดยผู้ชุมนุมคนหนึ่ง ระบุว่า วันนี้จะไม่มีการปราศัยแต่อย่างใด เพียงแต่อยากมาให้กำลังใจนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกลเท่านั้น

ขณะที่การนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันนี้ ศาลฯ ได้อำนวยสะดวกโดยเปิดช่องทางการรับฟังคำวินิจฉัยผ่านช่องทางยูทูปของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และมีการติดตั้งจอทีวี พร้อมลำโพงไว้หน้าอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ บริเวณเสาธง สำหรับประชาชนที่เดินทางมาร่วมรับฟังด้วย 

โดยการพิจารณาอ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมรูญ ได้ยึดตามระเบียบศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยการรักษาความปลอดภัยฯ พ.ศ.2562 คือห้ามผู้ใดเข้ามาในพื้นที่ควบคุม เว้นแต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น เนื่องจากหน่วยงานทางความมั่นคง ได้แจ้งต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าอาจมีสถานการณ์ที่มีสิ่งบอกเหตุหรือข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าอาจจะมีเหตุการณ์ความไม่ปลอดภัยและความไม่สงบเรียบร้อยเกิดขึ้นได้ โดยมีการนำแผงรั้วเหล็กมากั้นโดยรอบพื้นที่ทั้งด้านในและด้านนอกอาคารฯ ส่วนใครจะเข้ารับฟังคำวินิจฉัย ศาลอนุญาตให้เฉพาะคู่กรณี และบุคคลที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยต้องแลกบัตร และฝากสิ่งของ เช่น โทรศัพท์, กระเป๋า และเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไว้ด้านนอก.-317.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง