“วิโรจน์” เข้ารับทราบข้อกล่าวหา “44 สส.ก้าวไกล” แก้ 112

ป.ป.ช. 21 ก.พ.-“วิโรจน์” เข้ารับทราบข้อกล่าวหา “44 สส.ก้าวไกล” แก้ 112 ขัดจริยธรรม เตรียมขอสอบพยานหลักฐานการชี้มูลก่อน ยืนยันดำเนินการสุจริต โปร่งใส เที่ยงธรรม ชี้การแก้ไขกฎหมาย-ประกันตัวผู้ต้องหาเป็นสิทธิ สส.

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ก่อนการเข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดี 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกล ที่ร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ว่า ป.ป.ช.มีการนัดตนไว้วันนี้ เวลา 10.30 น. ซึ่ง สส.แต่ละคน ก็จะมีการกำหนดนัดวันที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าแต่ละคนจะติดภารกิจหรือไม่ หรืออยู่ในพื้นที่ที่ห่างไกล ซึ่งต้องยอมรับจริงๆ ว่า การเคลียร์คิวต่างๆ มาตามหนังสือเชิญนั้น ค่อนข้างจะต้องใช้พลังงาน เนื่องจากเสียเวลาราชการ แต่ถือว่าเราพยายามที่จะให้ความร่วมมือกับ ป.ป.ช.อย่างดีที่สุด ส่วนบางคนที่เลื่อนไม่ได้จริงๆ ก็ต้องเข้าใจเขาหมือนกัน


นายวิโรจน์ ยังตั้งข้อสังเกต ถึงการส่งหนังสือเชิญของ ป.ป.ช.ว่า คนที่อยู่พื้นที่ห่างไกลกลับถูกเรียกให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาก่อน ขณะที่คนบ้านใกล้ก็ถูกเลือกให้มาทีหลัง และมีหลายคนที่ถูกเรียกให้มาในวันพุธ และพฤหัสบดี ซึ่งโดยปกติ ป.ป.ช.ควรรู้อยู่แล้วว่า การเชิญ สส. มาในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งที่มีการประชุมสภา และยังอยู่ระหว่างสมัยประชุมสภานั้น ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ป.ป.ช.เรียกมาได้อย่างไร เนื่องจากในระเบียบของ ป.ป.ช.ก็มีระบุ เรื่องการออกหมายเชิญอยู่แล้ว จึงต้องตั้งข้อความอีกว่า ทำไมไม่อ่านระเบียบที่ตัวเองเขียน

นายวิโรจน์ เปิดเผยว่า ในหนังสือเชิญ มีเพียงประเด็นเรื่องจริยธรรมอย่างเดียว ซึ่งตนหวังว่า การที่ ป.ป.ช.ดำเนินการเรื่องนี้กับผู้อื่น ผู้ดำเนินการก็ควรมีจริยธรรมเช่นเดียวกัน ขั้นพื้นฐานที่สุด คือการปฏิบัติตามระเบียบที่ตัวเองเขียนมาอย่างเคร่งครัด


ส่วนจะมีการอธิบายกับ ป.ป.ช.อย่างไรบ้างนั้น นายวิโรจน์ ยืนยันว่า ตนพยายามดำเนินการเรื่องนี้ให้มีประสิทธิภาพที่สุด เข้าอกเข้าใจเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ด้วย โดยเมื่อตนได้รับหนังสือแล้ว จึงทำหนังสือขอตรวจพยานหลักฐานมาก่อน วันนี้ก็มีความคาดหวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าการทำหนังสือล่วงหน้าของตนและมาตามนัดนั้น จะได้รับการอนุญาตให้ตรวจพยานหลักฐานอย่างครบถ้วน

นายวิโรจน์ ย้ำว่า เรื่องสำคัญที่สุด คือ ป.ป.ช.กลับทำทุกอย่างให้เหมือนกับการคดี อาญา เพราะกระบวนการนั้น ตนเข้าใจว่าน่าจะค่อนข้างคล้ายคลึงกัน รวมถึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า เป็นเรื่องจริยธรรม แต่เหตุใดจึงทำกับผู้ถูกกล่าวหา เหมือนผู้ก่อเหตุอาญา หรืออาชญากร เพราะหากจะทำเช่นนั้น ต้องเอาหลัก ป.วิอาญา มาใช้ด้วย ซึ่งผู้ถูกกล่าวหา มีสิทธิ์ในเข้าถึงพยานหลักฐาน ที่สำคัญที่สุด ความเป็นธรรมพื้นฐาน คือเครื่องระยะเวลา ที่ ป.ป.ช.เอง มักใช้ระยะเวลาไต่สวนคดีต่างๆ เป็นปี แต่ถ้าอยู่ดีๆ มาเร่งรัดภายใน 15 วัน หรือกำหนดว่าต้องเท่านั้นเท่านี้ ก็จะถูกตั้งข้อสังเกตเช่นเดียวกันด้วย หวังเป็นอย่างที่ว่า ตนจะได้รับความยุติธรรม

สำหรับกรณีมีการเชื่อมโยงการเคลื่อนไหวแก้ไข ม.112 ก่อนหน้านี้ รวมถึงการใช้ตำแหน่งเป็นนายประกันให้กับกลุ่มผู้ชุมนุมในเรื่องข้างต้น นายวิโรจน์ ระบุว่า ต้องขอตรวจพยานหลักฐานที่ใช้ในการกล่าวหาก่อน แต่ยืนยันว่าการเป็น สส. ที่ไปร่วมรับฟังความเห็นของประชาชน ซึ่งเป็นความเห็นแตกต่างกันในประเทศนี้ เป็นสิ่งที่ควรเป็นหน้าที่ของเราด้วยซ้ำ ย้ำว่า ทุกอย่างทำโดยเปิดเผย สุจริต ดังนั้น จึงไม่มีความกังวลอะไร


ส่วนเรื่องการประกันตัว ก็เป็นสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ที่ประชาชนมีสิทธิ์จะได้รับการประกันตัวในการต่อสู้คดี และต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ ก่อนที่ศาลจะมีคำพิพากษา เพียงแต่ สส.เข้าไปใช้อำนาจหน้าที่ของตัวเอง เพื่อให้ประชาชนได้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ จึงไม่คิดว่ามีปัญหาอะไร

ส่วนจะใช้เรื่องการประกันตัวต่อสู้ในคดีด้วยหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ขอดูพยานหลักฐานก่อน จะพูดไปก่อนไม่ได้ โดยที่ยังไม่เห็นพยานหลักฐาน หาก ป.ป.ช.ไม่ให้ดูพยานหลักฐานที่กล่าวหา ตนก็คิดว่า ประชาชนและสื่อมวลชน ตั้งข้อสังเกตได้ เพราะเราจะชี้แจงข้อเท็จจริงได้อย่างไร ถ้าไม่ให้เราดูพยานหลักฐาน หรือเข้าถึงได้เพียงบางส่วน ยืนยันว่า ที่ผ่านมา ตนและเพื่อน สส.อีก 43 คน ทำทุกอย่างแบบเปิดเผยโปร่งใสทั้งหมด ไม่เคยงุบงิบ ซึ่งการทำเช่นนี้ก็สะท้อนว่าสุจริตอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ในข้อกล่าวหามีการระบุหรือไม่ ว่าเป็นเหตุการณ์อะไร นายวิโรจน์ กล่าวว่า ไม่เลย ใช้แค่คำว่าเรื่องมาตรฐานจริยธรรม จึงยังไม่ทราบรายละเอียด วันนี้บังเอิญว่า คนอื่นอาจจะยังเคลียร์ตารางไม่ได้ ตนจึงพยายามเคลียร์ทั้งหมด เพื่อเข้ามาก่อน

ทั้ง คาดว่า มีการส่งหนังสือเรียกครบทั้ง 44 คนแล้ว แต่ตนเป็นคนแรก ที่เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ ย้ำว่าทุกการกระทำ เปิดเผย โปร่งใส ไม่มีแอบทำ สื่อมวลชนก็เห็นอยู่แล้ว ไม่มีคลิปลับแบบที่ถูกเปิดเผยกันก่อนหน้านี้ ทำอะไร ซื่อสัตย์ เป็นธรรม มืออาชีพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามสโลแกนของ ป.ป.ช. อยู่แล้ว ยืนยันว่า ถ้าเขากล่าวหาอะไรมา เราก็ชี้แจงตามคำข้อเท็จจริงไป เราไม่ได้ทำอะไร ที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่เป็นไปตามจริยธรรม

“เราตั้งพรรคขึ้นมา หากพูดถึงการทำงาน ตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ ก้าวไกล จนถึงประชาชน เราพูดอยู่เสมอว่า เราต้องสร้างพรรคการเมืองของเราให้เป็นสถาบันทางการเมือง สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนให้ได้ ไม่อยากให้องค์กรของเรา เกิดการบูชาตัวบุคคล เพราะอะไรก็ตามที่ยึดโยงเช่นนั้น ไม่มีความยั่งยืน” นายวิโรจน์กล่าว

ส่วนมั่นใจว่าจะสู้คดีได้ใช่หรือไม่ นายวิโรจน์ ระบุว่า “ถ้าไม่มั่นใจ คงไม่มา” ส่วนจะมีการตามเช็คบิล สส.ก้าวไกลเดิมหรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า คงต้องถาม ป.ป.ช. ถามตนไม่ได้ เราต้องให้ความร่วมมือตามอำนาจหน้าที่เท่านั้น จริงๆ แล้ว ป.ป.ช. เป็นหน่วยงานที่ตนชื่นชมอย่างมาก เชื่อว่า ข้าราชการน้ำดี หากถูกสั่งให้ทำอะไรที่ไม่ชอบมาพากล ตนก็เชื่อว่า ข้าราชการเหล่านั้น จะไม่ยอมให้เกิดสิ่งที่ไม่ถูกต้องแน่นอน เพราะข้าราชการ ป.ป.ช. บอกกับตนมาตลอดว่า ต้องทำตามความถูกต้อง เพราะมีผู้หลักผู้ใหญ่ หรือมือมืดที่คอยสั่งการอยู่หลังม่าน พอเกิดการดำเนินคดีขึ้น เขาก็ไม่ได้ช่วยอะไร ดังนั้น การถูกต้องเท่านั้นที่ทำให้ความเป็นข้าราชการดำเนินต่อไปอย่างมีศักดิ์ศรี จึงอยากให้ประชาชนช่วยกันจับตาอย่างใกล้ชิด และเป็นกำลังใจให้กับข้าราชการที่ยืนหยัดปฏิบัติหน้าที่ดีเยี่ยมโปร่งใส

เมื่อถามว่า หากย้อนกลับไป ยังจะเสนอแก้ไข ม.112 อยู่หรือไม่ นายวิโรจน์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ กระทำการอย่างบุ่มบ่าม แต่ทำตามหน้าที่ในการแก้ไขกฎหมาย ดังนั้น จึงไม่มีอะไรที่รู้สึกว่า ถ้าย้อนกลับไป จะต้องเปลี่ยนแปลงอะไร ไม่มีสักแวบนึงที่คิดว่าผิด เพราะเราดูกฎหมายมาก่อน เพราะหากสิ่งที่พวกตนทำนั้นผิด ก็คงมีอาจารย์ระดับที่ได้การยอมรับในระดับสากลหรือประเทศ ออกมาติติงพวกตนแล้ว ยืนยันว่า พวกตนไม่ได้ดำเนินการตามอำเภอใจ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย.-314.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย