สกลนคร 10 ม.ค. – ฝากขังแล้ว “จอห์นหีบเหล็ก” ลวงพ่อและน้องสาวลงไปนอนในกล่องเหล็ก ก่อนผลักลงน้ำตายทั้งเป็น ยอมเปิดปากมาจากความแค้นสะสม หลังทะเลาะกับพ่อบ่อยครั้ง และพ่อมักพูดว่าจะตัดพ่อลูก ถึงขั้นไม่ยกมรดกให้
คดีสะเทือนขวัญที่ จ.สกลนคร ลูกชายลวงพ่อและน้องสาวลงไปนอนในกล่องเหล็กที่สั่งทำเป็นพิเศษ ก่อนผลักกล่องเหล็กลงน้ำตายทั้งเป็น ที่สุดผู้ก่อเหตุยอมเปิดปากบอกถึงปมเหตุจูงใจที่กระทำได้อย่างเลือดเย็น มาจากความแค้นสะสม หลังทะเลาะกับพ่อบ่อยครั้ง และพ่อมักพูดว่าจะตัดพ่อตัดลูก ถึงขั้นไม่ยกมรดกให้ และยังบอกด้วยว่า ตอนที่ก่อเหตุนั้นมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน
“วรุตย์” รับมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนขณะก่อเหตุ
นี่เป็นภาพเมื่อช่วงสายๆ วันนี้ (10 ม.ค.67) เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นตัวนายวรุตย์ หรือ จอห์น อายุ 35 ปี หลังถูกจับกุมเมื่อกลางดึกวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา กับเหตุการณ์สะเทือนขวัญ ล่อลวงนายประหยัด อายุ 66 ปี และ น.ส.เพียงเพ็ญ อายุ 33 ปี ซึ่งเป็นพ่อและน้องสาวของตนเอง ให้ลงไปในกล่องเหล็ก ก่อนผลักกล่องเหล็กลงน้ำ จนทั้งคู่ขาดอากาศหายใจและเสียชีวิตอยู่ในสระ
สื่อพยายามสอบถามวรุตย์ ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวเอาแต่ก้มหน้า ไม่พูดอะไร ก่อนจะขึ้นรถของตำรวจ เพื่อนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสกลนคร จากนั้นมีการส่งตัวเข้าเรือนจำจังหวัดสกลนครทันที
ผู้ก่อเหตุรับแค้นพ่อขู่จะตัดออกจากกองมรดก
นายวรุตย์ สารภาพหมดเปลือกถึงปมเหตุแรงจูงใจที่ก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้ โดยให้การกับตำรวจว่า เกิดจากความแค้นสะสมที่ทะเลาะกับพ่อบ่อยครั้งตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน พ่อมักจะพูดเรื่องตัดความเป็นพ่อลูก ถึงขั้นจะตัดออกจากกองมรดก เมื่อความอดทนถึงที่สุด จึงตัดสินใจไปสั่งทำกล่องเหล็ก 2 ใบ ราคา 12,000 บาท และยังสั่งทำแท่นเหล็กที่ใช้วางกล่องเหล็กกลางสระน้ำ ราคา 8,000 บาท จากนั้นใช้ความเชื่อใจของพ่อ ออกอุบายพาพ่อไปสระน้ำที่เกิดเหตุ บอกพ่อว่าจะทำอาชีพให้ตกปลา และลวงพ่อให้ไปนอนในกล่องเหล็ก อ้างว่าให้พ่อลองนอนดู เพราะข้างในเป็นแผ่นฟิวเจอร์บอร์ด เมื่อโดนความร้อนจากตัวคน แผ่นฟิวเจอร์บอร์ดจะพองตัวเป็นที่นอนพอดี พ่อเชื่อใจจึงถอดเสื้อผ้าเดินขึ้นไปนอนในกล่องเหล็กดังกล่าว จากนั้นใช้โซ่คล้องไว้และล็อกด้วยกุญแจ ก่อนจะผลักกล่องเหล็กของพ่อลงน้ำ ส่วนน้องสาว เมื่อเห็นพ่อลงไปก็ลงไปนอนในอีกกล่องตามแบบพ่อ
ถามว่าทะเลาะกับพ่อ ไม่พอใจพ่อ ทำไมต้องทำกับน้องสาวด้วย นายวรุตย์ บอกว่า น้องสาวเป็นผู้ป่วยออทิสติก และมักจะเออออ เห็นดีเห็นงามกับพ่อไปทุกอย่าง จึงลงมือก่อเหตุกับน้องด้วย
นายวรุตย์ บอกอีกว่า เมื่อผลักกล่องแรกลงไป น้องสาวเห็นก็ร้องออกมา แต่ก็ผลักกล่องของน้องสาวตามลงไป ผ่านไป 5 นาที รู้สึกสำนึกผิด แต่ก็ช่วยขึ้นมาไม่ได้แล้ว ตอนก่อเหตุตนมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน ไม่เคยใช้สารเสพติด และไม่ใช่ผู้ป่วยจิตเวชตามที่มีกระแสข่าว
เบื้องต้นตำรวจตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา กระทำการต่อบุพการี และกระทำการอันเป็นการโหดร้ายทารุณ และเชื่อว่าน่าจะลงมือคนเดียว เพราะวางแผนทำกล่องเหล็กที่มีล้อเลื่อน เพื่อผลักกล่องเหล็กลงน้ำได้ด้วยตัวคนเดียว
ชาวบ้านผวานอนไม่หลับ หลังเกิดคดีสะเทือนขวัญ
วันนี้ชาวบ้านที่ไปยังจุดเกิดเหตุในคืนวันที่เกิดเรื่อง นำคลิปภาพที่ถ่ายไว้มาให้ทีมข่าวดู เป็นภาพที่ชาวบ้านใช้ไฟฉายส่องไปที่สระน้ำ และเจอว่ามีลักษณะคล้ายแท่นเหล็กใหญ่ๆ อยู่ใต้น้ำ แต่ตอนนั้นชาวบ้านไม่รู้ว่าเป็นอะไร จึงรอให้เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ
ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับพี่มนตรี ซึ่งเป็นหนึ่งในชาวบ้านที่ลงไปช่วยนำกล่องเหล็กขึ้นมาจากน้ำ เล่าว่า ระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ เห็นรองเท้าผ้าใบ 1 คู่ รองเท้าผู้หญิง 1 คู่ และเสื้อผ้าบางส่วน วางอยู่ริมสระน้ำ ขณะที่ตัวนายวรุตย์ ผู้ก่อเหตุ นั่งอยู่แถวนั้น นายวรุตย์ไม่มีท่าทีจะหลบหนีหรือตื่นตระหนกแต่อย่างใด และยังพูดว่า “ถ้าอยากฆ่าผม ก็ฆ่าได้เลย” ไม่นานนักเจ้าหน้าที่ก็มาถึงจุดเกิดเหตุ และตนเองได้ไปช่วยงมกล่องเหล็กในน้ำ ตอนแรกก็รู้สึกตกใจที่เห็นกล่องเหล็กใบใหญ่ลักษณะคล้ายโลงศพ แต่ไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน และยิ่งผวาหนักเมื่อเอามือล้วงเข้าไปในกล่องเหล็กแล้วจับโดนศีรษะและเส้นผมผู้หญิง ถึงได้รู้ว่าเป็นคนแน่ๆ ยอมรับสะเทือนขวัญมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และนอนไม่หลับทั้งคืน
“วรุตย์” ยอมรับหลังก่อเหตุรู้สึกใจสั่น
ส่วนเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างพังโคน บอกว่า กล่องเหล็กกล่องแรกที่นำขึ้นมา ข้างในเป็นศพผู้หญิง จากนั้นช่วยกันนำอีกกล่องขึ้นมา พบว่าเป็นศพของพ่อผู้ก่อเหตุ ตอนนั้นได้พูดคุยกับผู้ก่อเหตุเล็กน้อย เจ้าตัวบอกว่าตกใจ ใจสั่นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตอนแรกไม่อยากจะทำ แต่พอลงมือทำไปแล้วเกิดอาการใจสั่น และช่วยไม่ทันแล้ว
เพื่อนบ้านเผยผู้ก่อเหตุเป็นคนพูดจาดี
ขณะที่เพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กับหอพักของครอบครัวนี้ เล่าว่า ปกติแล้ว นายวรุตย์ ผู้ก่อเหตุ เป็นคนพูดจาสุภาพ เวลาพูดคุยกัน นายวรุตย์จะพูด “ครับ” พูด “ผม” ตลอด และไม่คาดคิดเลยว่าจะวางแผนลงมือก่อเหตุได้ขนาดนี้.-สำนักข่าวไทย
