“ปชน.” ไม่ขับ “สส.กฤษฎิ์” พ้นพรรค-ตัดสิทธิทุกอย่าง

รัฐสภา 13 พ.ค.- “เท้ง” ประกาศดอง “งูเห่า” ไม่ขับ “สส.กฤษฎิ์” พ้น ปชน.ตามต้องการ ส่งตีความหนังสือเข้าข่ายลาออก พ้น สส.หรือไม่ พร้อมตัดสิทธิทุกอย่างในโควตาพรรค


นายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วย นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน และนายสหัสวัต คุ้มคง ส.ส.ชลบุรี พรรคประชาชน ร่วมกันแถลงตอบโต้นางสาวกฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ พรรคประชาชน เขต 6 จังหวัดชลบุรี ทำหนังสือ ขอยุติบทบาทภายในพรรคและขอให้พรรคประชาชนขับออก

นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่าได้รับฟังเหตุผล ที่น.ส.กฤษฎิ์แถลงต่อข้อกล่าวหาว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ได้รับการผลักดันนโยบายจึงต้องการขับเคลื่อนงานในพื้นที่ และอ้างว่าไม่เคยได้รับงบประมาณจากพรรคในการทำกิจกรรมนั้น ยืนยันว่าพรรคได้สนับสนุนการทำงานในพื้นที่มาโดยตลอด ฝ่ายนโยบายพรรคเคยอนุมัติงบในส่วนกลางเพื่อให้ไปทำกิจกรรมรับฟังความเห็นต่อการพัฒนานโยบายของพื้นที่ศรีราชาตามที่ได้ร้องขอเข้ามา ซึ่งสส. คนอื่นก็ทำงานได้อย่างราบรื่นและได้รับการสนับสนุน และที่บอกว่าการทำงานในคณะกรรมการธิการคมนาคม ไม่ได้รับการสนับสนุนนั้นนับตั้งแต่เริ่มเปิดสภา เราจะให้สส.ทุกคนได้เสนอมาว่าอยากได้ทำงานในกรรมาธิการฯในคณะใด แต่เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะได้รับการเป็นกรรมาธิการในอันดับหนึ่งที่เลือก แต่น.ส.กฤษฎิ์ก็ได้ตามที่ต้องการและยังได้เป็นรองประธาน อนุกรรมาธิการ ฯ เรื่องงานก่อสร้างท่าเรือ และยังมีมติให้ศึกษาดูงานเพื่อรับฟังปัญหาทางต่าง ๆ จากประชาชนที่อยู่ในเขตท่าเรือแหลมฉบัง


ส่วนเรื่องการไม่ได้รับความเคารพเรื่องสภานะทางเพศนั้น นายปกรณ์วุฒิ ยืนยันว่า ตรงนี้เป็นค่านิยมแรกที่เราให้ความสำคัญอย่างเต็มที่ในการโอบรับความหลากหลายทางเพศ และเคารพความเชื่อทุกรูปแบบ ขอยืนยันว่าไม่มีการเหยียดสถานะทางเพศของสส.คนใด หรือแม้แต่ประชาชนคนใดอย่างแน่นอน และถ้าหากมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น เราจะถือว่าเป็นการผิดวินัยของพรรี เพราะถือว่าไม่เคารพต่ออุดมการณ์หลัก คุณค่าที่พรรคยึดถือ และพรรคยังเปิดโอกาสให้น.ส.กฤษฎิ์ทำงานด้านความหลากหลายทางเพศ มีส่วนร่วมในการผลักดันพระราชบัญญัติสมรสเท่าเทียม และมอบหมายให้ยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งยังเคยสนับสนุนงบประมาณในการทำกิจกรรมในพื้นที่ในการรวบรวมความเห็นของผู้มีความหลากหลายทางเพศในพื้นที่ศรีราชาด้วย

สำหรับเหตุการณ์ที่น.ส.กฤษฎิ์ปรึกษาหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏรตามที่อ้างนั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่ามีการไปคุยกับ สส.กฤษฎิ์ จริงหลังการหารือ แต่ไม่ใช่เรื่องของเนื้อหา เพราะสิ่งที่เพื่อนสส.ไม่พอใจคือ เวลาปรึกษาหารือ 2 นาทีควรจะเป็นเวลาที่มาสะท้อนปัญหาของส่วนรวม สะท้อนปัญหาของประชาชนเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำเรื่องนั้นไปแก้ไข ไม่ใช่พูดความต้องการส่วนตัวว่าต้องการที่จะทำอะไร เพราะสภาไม่ใช่เวทีที่จะมาพูดถึงความต้องการส่วนตัวและขอยืนยันว่าสิ่งที่สส.กฤษฎิ์หารือไป ไม่ได้มีการดำเนินการทางวินัยใดๆ หลังเหตุการณ์นั้นเลย ถือว่าเป็นการพูดคุยกันเฉยๆ ว่าการหารือโดยใช้ความต้องการส่วนตัวมาพูดนั้นไม่เหมาะสมกับการทำงานในสภาเท่านั้น ไม่มีการลงโทษหรือแซงชั่นทั้งสิ้น และยังขอให้เหตุการณ์นี้ผ่านไป และขอให้ทุกคนมาร่วมงานกันในฐานะเพื่อนร่วมอุดมการณ์เหมือนเดิม

ส่วนที่ระบุว่าพรรคประชาชนเตรียมส่งคนลงสส.แทนนั้นก็ยืนยันว่าพรรคไม่มีนโยบายหาคนมาลงสมัครแทน การส่งใครสมัครสส.หรือไม่ พรรคมีกระบวนการและมีกรอบที่ชัดเจนและสื่อสารกับกับสส.ทุกคน ดังนั้นกระบวนการเหล่านี้ ในการหาผู้สมัครสส มาแทนสส. คนใดในปัจจุบันนั้นยังไม่มี


ด้านนายณัฐพงศ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่าเมื่อคืนมีการประชุมสส.และกรรมการบริหารพรรค ขอยืนยันว่าที่ผ่านมาพรรคไม่ได้มีกระบวนการใดๆ ที่ใช้อำนาจในพรรคใด ก็ตามที่จะทำให้น.ส.กฤษฎิ์ อึดอัดใจหรือเป็นอุปสรรคในการทำงานตามที่ได้มีการแถลงไปเมื่อเช้า ดังนั้นขอใช้เวทีนี้ในการสื่อสารข้อเท็จจริง และขอยืนยันว่าหตุผลที่นส.กฤษฎิ์ให้นั้นฟังไม่ขึ้น ดังนั้น จึงจะดำเนินทุกมาตรการที่ทำให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด เพราะต้องยอมรับว่าการที่ประชาชนมาใช้สิทธิ์ใช้เสียงเลือกนส.กฤษฎิ์เพราะเป็นตัวแทนของพรรค จึงต้องขึ้นความเป็นธรรมให้กับประชาชนเขตเลือกตั้งที่ 6 โดยการที่ทำให้น.ส.กฤษฎิ์ ไม่ได้เจตนารมณ์ตามหนังสือที่ยื่นมากับตน และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งหมายรวมถึงนายทะเบียนสมาชิกพรรคที่ขอยุติบทบาทกับพรรค และร้องขอให้พรรคขับคงออกจากการเป็นสมาชิก ซึ่งเรื่องนี้ตนขอเชิญชวนประชาชนทุกคนคิดตามและเชื่อว่าทุกคนมีข้อสรุปตรงการว่านส.กฤษฎิ์แสดงเจตนาไม่ต้องการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนอีกต่อไป และการจะให้ขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ต้องมีเงื่อนไขเดียวคือต้องทำผิดทางวินัยและในอดีตพรรคไม่เคยถือว่าการกระทำใดๆ ของเขาเป็นการทำความผิดที่เข้าสู่กระบวนการวินัยของพรรค

ดังนั้นการที่ยื่นหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พวกเรามีความเห็นว่า ฉบับนี้ได้แสดงเจตจำนงเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าคุณเป็นต้องการยุติ การเป็นสมาชิกของ พรรคประชาชนและเพื่อให้ความชัดเจนในข้อกฎหมายว่าต้องการยุติการเป็นสมาชิกพรรค จึงขอใช้อำนาจตามกฎหมายที่มี โดยในช่องทาง โดยยื่นไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ใช้อำนาจตีความให้กับพรรคประชาชนว่าหนังสือฉบับนี้ถือเป็นหนังสือในการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวด้วยว่า จากการแถลงข่าวของน.ส.กฤษฎิ์ยังใช้ถ้อยคำ ในทำนองว่าต้องการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ดังนั้นพวกเราจะดำเนินการยื่นขอตีความไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตีความ ว่าหนังสือที่ยื่นต่อกรรมการบริหารพรรคเป็นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ ถ้าตีความว่าไม่ได้เป็นหนังสือลาออก ก็จะไม่มีการขับ หรือทำตามความต้องการเพื่อประโยชน์กับพรรคกล้าธรรม แต่จะตัดสิทธิ์ทุกอย่างที่พึงมึของน.ส.กฤษฎิ์ ไม่ว่าจะเป็น ตำแหน่งในกับมาธิการหรือการทำงานใด ๆ ในโควตาพรรคในอนาคต ส่วนตำแหน่งกรรมาธิการฯ ที่เป็นอยู่ พรรคคงทำอะไรไม่ได้เว้นแต่เจ้าตัวจะลาออกเอง

นายณัฐพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์หน้าจนจะลงพื้นที่พร้อม สส. ชลบุรีทุกเขต เพื่อยืนยันกับประชาชนว่าพวกเราพร้อมที่จะเดินหน้ารับใช้ประชาชนทุกเขต รวมทั้งเขต6 ที่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น และตนในฐานะหัวหน้าพรรค ได้มอบหมายให้นายสหัสวัตได้เป็นตัวแทนในการดูแลพื้นที่แทน

เมื่อถามย้ำว่าจะยื่น ให้หน่วยงานใดตีความนั้น หัวหน้าพรรคประชาชน ยืนยันว่ามีมากกว่าหนึ่งหน่วยงาน โดยขอศึกษาเรื่องข้อกฎหมายก่อน เพราะเกรงว่าอาจจะมีการดำเนินการจากฝั่งตรงข้ามหรืออาจจะทำให้เสียรูปคดีได้ แต่ตอนนี้ยืนยันว่าเราศึกษาข้อกฎหมายและพบว่ามีช่องทางในการดำเนินการเรื่องนี้ได้อยู่ ซึ่งตอนนี้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว ในทางปฏิบัติพรรคไม่ได้ถือว่าเป็นผู้แทนราษฎรของพรรคอีกต่อไป ส่วนการดำเนินการทางนิตินัย หรือทางกฎหมายก็เป็นไปตามที่ตนได้แถลงเรื่องมาตรการไป ซึ่งต้องใช้เวลาค่อนข้างนานประมาณหนึ่งเดือนขึ้นไป

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องสืบหา ต้นเหตุที่ น.ส.กฤษฎิ์ตัดสินใจทำหนังสือถึงพรรคหรือไม่ นายณัฐพงศ์กล่าวว่าก่อนที่จะแถลงข่าวได้มีการพูดคุยมาแล้วระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งนายปกรณ์ก็ได้พูดคุยโดยตรงมาตลอดและพรรคก็เปิดดกว้าง รับฟัง ซึ่งเหตุผลที่ให้มาหลังจากที่ฟังคำแถลงเหตุผลแล้วก็พบว่าทุกอย่างไม่เป็นความจริง พรรคเปิดกว้างให้มามากเพียงพอแล้ว

ส่วน มองว่าอะไรเป็นแรงจูงใจให้ น.ส.กฤษฎิ์ ตัดสินใจยุติบทบาท กับพรรคประชาชนนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า เท่าที่ฟังเหตุผล นส.กฤษฎิ์อยากลาออกในตอนแรก แต่สุดท้ายตัดสินใจอยากจะให้พรรคขับออก เพราะอยากจะย้ายไปยังพรรคกล้าธรรม เรื่องนี้ตนอยากให้สาธารณชนประเมินภาพรวม ว่าตอนนี้บริบททางการเมือง มีพรรคการเมืองบางพรรคพยายามดึงดูดส ส.เข้าไปในพรรคดัวเองให้มากที่สุดหรือไม่ เพื่อใช้เจรจาต่อรองเก้าอี้คณะรัฐมนตรีที่จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีโดยเร็วๆนี้หรือไม่ ทั้งนี้มั่นใจว่า ตามข้อมูลที่ตนทราบและพูดคุยกับภายในพรรค คิดว่าไม่มีใครหรือสส.คนใดย้ายไปอยู่ฝั่งรัฐบาลแน่นอน

เมื่อถามว่า น.ส.กฤษฎิ์ระบุพรรคไม่ลงไปช่วยในพื้นที่นั้น หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวว่า พรรคเปิดโอกาสให้ใช้กลไกและเครื่องมือทุกอย่างสนับสนุนในการทำหน้าที่อย่างเต็มที่แล้ว ส่วนข้ออ้างที่ว่าเป็นฝ่ายค้านไม่สามารถดำเนินการอะไรได้แบบฝ่ายรัฐบาลนั้นเป็นเพียงข้ออ้างในฐานะที่เป็นผู้แทนราษฎร ต้องรู้หน้าที่ในการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน จึงคิดว่าเป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น

เมื่อถามย้ำว่าอะไรเป็นแรงจูงใจ ให้ นส.กฤษฎิ์ ตัดสินใจนั้น นายณัฐพงศ์ กล่าวว่า การที่ได้มีการพูดคุยและมีดีลเกิดขึ้นแน่นอน ไม่อย่างงั้นคงไม่มาแถลงข่าวในวันนี้ และประกาศตัวอย่างชัดเจนทั้งที่ตอนแรกแถลงข่าวอย่างว่าอยากจะลาออกจากสส แต่ตอนหลังมากลับ คำ ก็แปลว่าจริงๆ แล้วอยู่ในระหว่างกระบวนการ ก่อนหน้านี้ต้องมีการพูดคุยตกลงกันมาแล้ว เชื่อได้ว่าเป็นเช่นนั้น

เมื่อถามย้ำว่า หากทำขัดมติพรรคอีกจะทำอย่างไรนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า จะพิจารณาดำเนินการทางวินัย เช่นการตัดสิทธิ์ ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในการดำเนินการของพรรคทุกอย่าง แต่การขับออกคิดว่าไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม ทางเลือกที่เหมาะสมที่เป็นทางสำรองในกรณีที่ถูกตีความว่า หนังสือฉบับนี้ไม่ได้ถือว่าลาออกจากสมาชิกพรรคคือการ ล็อคทุกอย่าง

“พิจารณาดำเนินการทางวินัยแน่นอน ทั้งการตัดสิทธิ์พึงมีในฐานะสมาชิกพรรคทุกอย่าง ส่วนจะขับออกหรือไม่ ผมเชื่อว่าวิญญูชน ประชาชนที่กำลังติดตามเรื่องนี้ อยากที่จะให้พรรคลงโทษ ไม่ให้คนที่ทรยศกับเสียงที่ประชาชนเลือกมา ได้สิ่งที่เขาต้องการ เพราะฉะนั้นการขับออก ณ ตอนนี้ สำหรับพวกเราคิดว่าไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม ส่วนทางที่คิดว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ที่เป็นทางเลือกสำรอง กรณีที่ถูกตีความว่าหนังสือฉบับนี้ ไม่ใช่การลาออกจากพรรค ก็คือการดองงูเห่า เท่านั้น” นายณัฐพงษ์ กล่าว

สำหรับกรณีการสร้างพรรคไม่ได้สร้างคน นายสหัสวัต ชี้แจงว่า คำว่าการสร้างพรรคไม่ได้สร้างคนนั้น ตนเองไม่เข้าใจอย่างยิ่งว่านางสาวกฤษฏิ์ หมายถึงอะไร ยืนยันว่าการสร้างพรรคกับการสร้างคนเป็นเรื่องเดียวกัน ดูได้จากพรรคอนาคตใหม่ มาก้าวไกล และประชาชน ยืนยันว่าเป็นการสร้างเครือข่ายเชิงคนที่จับต้องได้ให้เป็นรูปธรรมให้มากที่สุด เรามีการทำงานเครือข่ายเชิงประเด็น เช่น เครือข่ายแรงงาน เครือข่ายLGBT เครือข่ายอื่นๆ ที่เราทำงานกันอย่างแข็งขัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือการสร้างคนอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการเติมองคาพยพ เช่น ของสมาชิกพรรคมีหลักสูตรต่างๆ ที่ให้สมาชิกพรรคสามารถเข้ามามีส่วนร่วมเข้ามาเรียนรู้ เข้ามาหาความรู้ได้ตลอด

นายสหัสวัต กล่าวต่อว่า สิ่งที่เราทำมาตลอดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่สมัยสภาที่แล้ว หลายเรื่องประชาชนได้โหวต เช่น เรื่องประกันสังคม เพราะเป็นกระแสจริง และไม่ได้เกิดการแก้ปัญหา ไม่ได้เป็นประโยชน์กับชีวิตประชาชน และเรื่องคอลเซ็นเตอร์ รวมไปถึงเรื่องปลาหมอคางดำ หลายๆเรื่องที่เราผลักดันประชาชนก็ได้ประโยชน์ ซึ่งตนคิดว่าเรื่องนี้ประชาชนทั่วไปก็จะเห็นว่าสิ่งที่เรากำลังทำเป็นการสร้างกระแส หรือว่าเป็นการทำเพื่อประโยชน์ของประชาชน

ส่วนกรณีที่ สส.ของพรรคประชาชนในพื้นที่เขตเดิมกลายเป็นงูเห่าซ้อนกัน 2 ครั้ง มีความเกี่ยวข้องกับพรรคการเมืองที่เป็นบ้านใหญ่ หรือไม่ นายสหัสวัต กล่าวว่าไม่เกี่ยวข้องและไม่มีผลเลย

บรรยากาศ ภายหลังการแถลงข่าวของหัวหน้าพรรคประชาชน มีบรรดาด้อมส้ม กลุ่มเดิมจากเมื่อเช้าที่มาก่นด่า สส.กฤษฎิ์ ต่างกอดให้กำลังใจ นายณัฐพงษ์ และสส.พรรคประชาชน ซึ่งถูกมองว่า เป็นคนละเรื่องกับเมื่อเช้านี้ โดยได้หันไปหา สส.ชลบุรี ที่มาร่วมแถลงข่าวว่า อย่าเป็นงูเห่า อย่าย้ายไปไหน ถ้ารู้ว่าจะย้าย เดี๋ยวจะมาด่าถึงที่.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]