11 ต.ค. – ความจนมันบังคับ! พ่อแรงงานไทยในอิสราเอลเล่าทั้งน้ำตา ลูกขอไม่กลับบ้าน บอกจะกลับยังไง หนี้เรายังเยอะ สุดท้ายเสียชีวิต ขณะที่หลายครอบครัวยังมีความหวัง คนอยู่ทางโน้นจะปลอดภัย หน่วยงานรัฐลงพื้นที่ให้กำลังใจ
หน่วยงานรัฐ-เพื่อนบ้าน ให้กำลังใจครอบครัวแรงงานที่เสียชีวิต
ที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ครอบครัวและเพื่อนบ้านของนายพงษ์พัฒน์ สุชาติ อายุ 29 ปี แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุรุนแรงในอิสราเอล จัดเตรียมสถาน หลังทราบข่าวการเสียชีวิต บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า มีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนเพื่อนบ้าน มาปลอบขวัญให้กำลังใจกันอย่างต่อเนื่อง
พ่อนายพงษ์พัฒน์ เล่าว่า พูดคุยกับลูกชายก่อนเกิดเหตุ และบอกลูกให้กลับบ้าน เพราะอยู่ทางโน้นเสี่ยงอันตราย แต่ลูกชายบอกว่าจะกลับยังไง หนี้เรายังเยอะ
ขณะที่นางถวิน อินทร์จันทร์ พี่สาวนายพงษ์พัฒน์ บอกว่า แฟนก็ไปทำงานที่เดียวกันกับน้องชาย แต่ยังสามารถติดต่อกันได้มีคนในหมู่บ้านเดียวกันไปทำงาน 5 คน จุดที่แฟนทำงาน ห่างจากจุดเกิดเหตุรุนแรงประมาณ 20 กิโลเมตร ล่าสุดอพยพมาอยู่ที่ปลอดภัยร่วมกับคนไทยประมาณ 70 คน
พ่อใจสลาย เสียลูกชาย 2 คน พร้อมกัน แต่ต้องเข้มแข็ง
ส่วนที่ขอนแก่น มีแรงงานในอิสราเอลที่ถูกยิงเสียชีวิต 3 คน เป็นพี่น้องและเครือญาติกัน นายจ้างแจ้งว่าคนงานที่พักในแคมป์กว่า 20 คน ไม่มีใครรอด ถูกผู้ก่อการร้ายบุกเข้าไปยิงเรียงตัว
นายรำเพย กุสะรัมย์ อายุ 62 ปี ชาว ต.โนนธาตุ อ.หนองสองห้อง เปิดเผยว่า ลูกชาย 2 คน คือ นายอภิชาต อายุ 29 ปี และนายพงษ์เทพ อายุ 26 ปี เป็นแรงงานไทยที่ทำงานในฟาร์มเลี้ยงสัตว์ที่อิสราเอล ทั้ง 2 คนเสียชีวิตแล้ว โดยได้รับแจ้งข่าวจากหลานชายที่ทำงานอยู่ในอิสราเอลเช่นกัน แต่อยู่คนละแห่งกับลูกชาย หลังทราบเรื่องยอมรับว่าใจสลาย แต่ก็ต้องทำใจให้เข้มแข็ง รอฟังข่าวจากทางการอีกครั้ง
ด้านนายอำเภอหนองสองห้อง และเหล่ากาชาดจังหวัดขอนแก่น เดินทางมาให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพกับครอบครัว ยืนยันทุกฝ่ายจะช่วยเหลือคนไทยทั้งคนที่รอดชีวิตและต้องการกลับบ้าน รวมถึงนำส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับประเทศไทยโดยเร็ว
สำหรับ อ.หนองสองห้อง มีแรงงานไทยไปอิสราเอลที่ลงทะเบียน 188 คน ตรวจสอบได้แล้ว 132 คน อยู่ในพื้นที่สู้รบ 33 คน อีก 90 คน อยู่ในพื้นที่ปลอดภัย เสียชีวิต 3 คน คือ นายพงษ์เทพ และนายอภิชาต กุสะรัมย์ ลูกชายของบ้านนี้ และนายพิชิต นาจันทร์ ซึ่งเป็นเครือญาติกัน เบื้องต้นคุยกับพ่อแม่ผู้เสียชีวิต อยากให้รัฐบาลเร่งนำศพกลับมาทำพิธีทางศาสนาในไทย ส่วนเงินเยียวยาจัดหางานจังหวัดจะพิจารณาอีกครั้ง
แม่แรงงานไทยภาวนาให้ลูกชายปลอดภัย กลับมาให้บวช
นายกเหล่ากาชาดจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน, พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ลงพื้นที่ไปเยี่ยมให้กำลังใจ ครอบครัวแรงงาน 4 ราย จาก 8 ราย ที่ญาติแจ้งว่าติดต่อไม่ได้
หนึ่งในนั้นคือ ครอบครัวของนายจักรพันธ์ เดี่ยวไธสง อายุ 37 ปี แรงงานไทยที่ทำงานอยู่อิสราเอล ห่างจากพื้นที่สู้รบประมาณ 5 กม. ครอบครัวติดต่อไม่ได้ 4 วันแล้ว ตอนนี้ไม่รู้ชะตากรรม หลังจากวิดีโอคอลคุยกันล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 7 ตุลาคม แล้วพอได้ยินเสียงปืน ระเบิดดังขึ้น ก็ขาดการติดต่อไปเลย ได้แต่ภาวนาขอให้ปลอดภัย หากรอดชีวิตกลับมาก็อยากให้ทางการช่วยพาส่งกลับไทย เมื่อมาถึงบ้านก็จะให้บวช 7 วัน เพื่อแก้บน ส่วนเหตุผลที่นายจักรพันธ์เลือกไปทำงานอิสราเอล เพราะค่าแรงสูงกว่าไทย และเป็นเสาหลักของครอบครัว ต้องส่งเงินมาดูแลแม่ ภรรยา และลูกทุกเดือน
3 พี่น้องไปทำงานอิสราเอล พี่ชายคนโตโดนจับ
ส่วนที่นครพนม ครอบครัวโฮมสร น้องชาย 3 คน ที่ไปทำงานในอิสราเอล เพื่อหวังหาเงินสร้างฐานะ มีนายเศรษฐา อายุ 38 ปี นายเจษฐา อายุ 36 ปี และนายอนุวัต โฮมสร อายุ 32 ปี ซึ่งน้องชายคนเล็กสุดเพิ่งไปทำงานได้แค่ 3 เดือน ยังมีภาระหนี้สินค้าใช้จ่ายในการเดินทางนับแสนบาท
ล่าสุด น้องชายติดต่อวิดีโอคอลผ่านเฟซบุ๊กมาหาพี่สาว และภรรยา เล่าความเป็นอยู่ให้ฟังว่า วันเกิดเหตุสงคราม ถูกทหารฮามาสติดอาวุธหนักบุกเข้ามาในแคมป์คนงาน ตอนนั้นมีคนงานไทยอยู่รวม 11 คน ถูกจับไป 5 คน 1 ใน 3 คน มีนายเศรษฐา หรือต้อม พี่ชายถูกจับไปด้วย ทั้งที่เหลืออีก 3 วัน จะครบสัญญาจ้าง มีกำหนดกลับบ้านในวันที่ 10 ตุลาคม แต่มาเกิดเหตุในวันที่ 7 ตุลาคม
น้องชายยังระบุว่า กลุ่มฮามาสติดอาวุธหนักมีพฤติกรรมเหี้ยมโหด หากใครวิ่งหนีก็กราดยิง และยังใช้มีดกรีดหลังเพื่อนคนงานที่เป็นชาวอุดรธานีที่ถูกจับตัว ซ้อมทำร้ายร่างกาย อยากให้รัฐบาลเร่งหาทางช่วยเหลือ ทุกคนอยากกลับประเทศไทย ถึงแม้จะมีภาระหนี้สิน แต่ขอเอาชีวิตรอดไว้ก่อน. – สำนักข่าวไทย