สมาพันธรัฐสวิส 22 ม.ค.-บริษัทยาระดับโลก Astrazeneca หารือนายกฯ ยืนยันไทยยังเป็นพันธมิตรที่ดีมายาวนาน พร้อมร่วมมือด้านวิจัยและพัฒนาในไทยอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ นายกฯ มั่นใจการแพทย์ของไทยติดระดับในโลก ยืนยันหลายประเทศทั่วโลกบินมารักษาในประเทศไทยจำนวนมาก
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สรุปสาระสำคัญในการพบหารือระหว่างนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกับนาย Michel Demaré ประธานกรรมการ (Chair of the Board) บริษัท AstraZeneca จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายเวชภัณฑ์ระดับโลก ระหว่างการประชุม World Economic Forum 2025 วานนี้ ( 21 ม.ค.) เวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นเมืองดาวอส ซึ่งตรงกับเวลาประเทศไทยในเวลาประมาณ 23.00 น. โดยสรุปสาระสำคัญของการหารือดังนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณบริษัท AstraZeneca ที่ให้ความสนใจและมีส่วนร่วมกับประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งความร่วมมือของบริษัทที่ช่วยสนับสนุนวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพและการแพทย์ในภูมิภาค และได้แสดงความยินดีที่ได้ทราบถึงบทบาทผู้นำระดับโลกของบริษัท AstraZeneca ในการคิดค้นยารักษาโรคที่สำคัญของโลก เช่น โรคเบาหวาน มะเร็ง เป็นต้น ที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนทั่วโลก รวมถึงการมีบทบาทที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดเกิดใหม่
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ย้ำถึงโอกาสที่ดีหากทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือในการศึกษา วิจัย และพัฒนา โดยไทยมีเป้าหมายในการศูนย์กลางการแพทย์และการสาธารณสุข ซึ่งไทยมีโรงเรียนแพทย์ที่สามารถผลิตแพทย์และบุคคลากรทางแพทย์ที่มีคุณภาพ จนทำให้การแพทย์และการบริการสาธารณสุขไทยได้รับความไว้วางใจในหมู่คนต่างชาติ โดยเฉพาะจากภูมิภาคตะวันออกกลาง ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการวิจัยและนวัตกรรม โดยเปิดกว้างและพร้อมที่รับการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น และให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน และยินดีสนับสนุนความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนากับบริษัท AstraZeneca เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เพิ่มขึ้นจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง
ขณะที่ นาย Michel Demaré ประธานกรรมการกล่าวขอบคุณและชื่นชมศักยภาพของไทยในด้านการแพทย์ บริษัทฯ มีการลงทุนฐานการผลิตที่สำคัญ ซึ่งเป็นประโยชน์ทั้งกับคนไทยและคนทั่วโลก ทั้งนี้พร้อมแบ่งปันองค์ความรู้ด้านยาและการดูแลสุขภาพที่ปัจจุบันมีความก้าวหน้าให้กับพันธมิตรและหุ้นส่วนไทย ในการขับเคลื่อนนวัตกรรมด้านชีวการแพทย์ และพัฒนาการเข้าถึงด้านสุขภาพ โดยมุ่งเน้นไปที่โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในประเทศไทย.-314.-สำนักข่าวไทย