นราธิวาส 2 ส.ค. – ตำรวจขอศาลออกหมายจับเจ้าของโกดังพลุระเบิด จ.นราธิวาส หลังไม่เข้าพบตามหมายเรียก พบเคยถูกจับเมื่อ 7 ปีก่อน แต่อัยการสั่งไม่ฟ้อง ด้าน “บิ๊กโจ๊ก” เตรียมลงพื้นที่วันนี้
จากกรณีโกดังพลุระเบิดครั้งใหญ่ในชุมชนมูโนะ อำเภอสุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส วันนี้ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีกำหนดการลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าคดี ขณะที่เมื่อคืนที่ผ่านมาตำรวจตัดสินใจ ขอศาลออกหมายจับเจ้าของโกดังซึ่งเป็น 2 สามีภรรยาชาวไทยแล้ว หลังออกหมายเรียกให้เข้าพบแต่ทั้งคู่เบี้ยวไม่มาตามนัด โดยเฉพาะเมื่อวานนี้ (1 ส.ค.) ซึ่งตำรวจให้เวลาตลอดทั้งวัน โดยหลังจากนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่าได้สั่งการให้ตำรวจทุกพื้นที่ช่วยติดตามจับกุม แม้จะหลบหนีอยู่ที่ไหนก็ต้องนำตัวมาดำเนินคดีให้ได้
จากประวัติพบว่าเจ้าของโกดังทั้ง 2 คน เคยถูกตำรวจ สภ.มูโนะ จับกุมเมื่อวันที่ 16 ก.ค.59 หรือเมื่อ 7 ปี ก่อน ในคดีค้าดอกไม้เพลิงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนในท้องที่ และฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงาน ตามพระราชกำหนดการบริหารงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ไม่ได้ถูกดำเนินคดี เนื่องจากอัยการสั่งไม่ฟ้อง
ส่วนประเด็นข้อสงสัยของสังคมว่า โกดังเก็บพลุและดอกไม้ไฟ มาตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชนได้อย่างไร มีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและเป็นธรรมให้สังคมเกิดความเชื่อมั่น พล.ต.ต.อนุรุธ อิ่มอาบ ผบก.ภ.จว.นราธิวาส จึงมีคำสั่งย้ายข้าราชการตำรวจ สภ.มูโนะ จำนวน 4 นาย ให้ไปช่วยราชการที่ ศปก.ภ.จว.นราธิวาส ประกอบด้วย ผกก., รอง ผกก.ป., สว.ป. และ สว.สส.
ขณะที่บรรยากาศในพื้นที่ชุมชนมูโนะ ซึ่งส่วนใหญ่ยังอยู่ในสภาพ ที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพังแต่ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมาปรากฏว่ามีประชาชนจากหลากหลายพื้นที่เดินทางมาดูสภาพความเสียหายของชุมชนแห่งนี้เป็นจำนวนมาก บางคนเดินทางมาจากต่างจังหวัดพาครอบครัวและลูกเล็กเข้ามาด้วยในพื้นที่ แม้ว่าเจ้าหน้าที่จะปิดกั้นเส้นทาง เรื่องนี้ทาง นพ.ชัยวัฒน์ พัฒนาพิศาลศักดิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ออกมาเตือนว่า ตอนนี้ บริเวณที่เกิดเหตุยังมีดินประสิวจากประทัด และดอกไม้ไฟที่ปะทุแล้ว และยังไม่ปะทุตกอยู่ทั่วอาณาบริเวณ ซึ่งอาจเกิดระเบิดขึ้นมาได้อีก หากมีสะเก็ดไฟ อาจมาจากก้นบุหรี่ที่ประชาชนสูบและทิ้งลงพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจ อีกทั้งยังมีเรื่องของกลิ่นและอากาศต่างต่างๆ ดังนั้นขอให้ประชาชนที่ไม่ส่วนเกี่ยวข้องหลีกเลี่ยงการเข้ามาในบริเวณที่เกิดเหตุ เพราะถือเป็นพื้นที่อันตราย
นอกจากนี้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนราธิวาส ยังย้ำเตือนเรื่องของคุณภาพน้ำ หลังสาธารณสุข ส่งทีมกรมอนามัยลงตรวจคุณภาพน้ำโดยใช้เครื่องมือวัดภาคสนามทุกจุดในรัศมี ไข่แดง คือ 200 เมตร จากจุดเกิดเหตุและ 500 เมตร โดยพื้นที่ต่ำกว่า 500 เมตร ไม่สามารถใช้อุปโภคและบริโภคได้ แต่หากเกินกว่า 500 เมตรขึ้นไป ต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง .-สำนักข่าวไทย